(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ซึมตัว ไร้ปัจจัยใหม่หนุน-กังวลศก.โลกชะลอ-เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 12, 2018 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ซึม เนื่องจากตลาดไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับมีความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง 10 วัน ซึ่งถือว่าลดลงต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 34 ปี และเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังอยู่ระดับแข็งค่า ทำให้ไปกดดัน Emerging Market และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวลงด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนลบ แต่ก็ก็มีบางตลาดได้ขยับขึ้นมายืนในแดนบวกได้ พร้อมให้ติดตามการยื่นซองประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งทำให้อาจมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องได้ และในวันพรุ่งนี้ก็ให้ติดตาม MSCI จะทบทวนดัชนีฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,664-1,656 จุด ส่วนแนวต้าน 1,676-1,678 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,989.30 จุด ร่วงลง 201.92 จุด (-0.77%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,781.01 จุด อ่อนตัวลง 25.82 จุด (-0.92%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,406.90 จุด ลดลง 123.98 จุด (-1.65%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 128.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 25.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 23.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 20.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 17.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.01 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 1.17 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ย.61) 1,668.52 จุด ลดลง 13.21 จุด (-0.79%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,834.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ย.61) ปิดที่ 60.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ย.61) ที่ 3.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.07/11 แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.03-33.15 หลังตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการบางส่วน
  • รฟท.มั่นใจเอกชน ยื่นซองชิงไฮสปีดเทรน มูลค่าลงทุน 2.24 แสนล้าน เกิน 2 ราย 1 เดือนรู้ผลผู้ชนะ ยืนยันทีโออาร์ไม่จำกัดเทคโนโลยีรถไฟ "ซีพี" ผนึก 5 ชาติ "จีน-ญี่ปุ่น-อิตาลี-เยอรมนี-เกาหลี" ยื่นประมูลรถไฟความเร็วสูง ระดมบริษัทก่อสร้างช.การช่าง-ไอทีดี-ซีอาร์ซีซี ด้าน "บีทีเอส" จับมือซิโนไทย-ราชบุรีฯ ยื่นประมูล ดึง 5 แบงก์ปล่อยกู้ 1.2 แสนล้าน
  • "แบงก์ใหญ่"ประสานเสียง พร้อมปล่อยกู้ผู้ชนะประมูล "ไฮสปีดเทรน" ระบุผู้ประกอบการ หลายรายดอดเจรจา ชี้เป็นโครงการขนาดใหญ่วงเงินสูง ต้องหาพันธมิตรร่วม ไม่กังวลความเสี่ยง เหตุเป็นโครงการรัฐร่วมทุน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าแบงก์ ด้าน"ออมสิน" สนใจร่วม มองเป็นโครงการดีในระยะยาว
  • อสังหาฯแจง ไฮสปีดเทรน ดันคอนโด-พื้นที่เชิงพาณิชย์ รอบสถานีคึก โดยเฉพาะสถานีมักกะสัน-บางซื่อ สถานีศรีราชา เหตุชุมทางเชื่อม กรุงเทพฯ-อีอีซี "คอลลิเออร์สฯ"เผยทุนใหญ่แห่สะสมแลนด์แบงก์ ดันราคาที่ดิน 9 สถานีพุ่งเฉลี่ย 20-40% ขณะมูลค่าที่อยู่อาศัย อยู่ระหว่างการขาย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ณ ไตรมาส 3 ปีนี้ พุ่งแตะ 4.5 แสนล้าน
  • โรงงานน้ำตาลทรายเตรียมทำหนังสือถึง ป.ป.ช.ขอความชัดเจนกรณีบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายใดเข้าข่ายที่คณะกรรมการต้องรายงานทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ตามกฎหมายใหม่หวั่นทำระบบสะดุด เผยล่าสุดตัวแทนชาวไร่ 1 คนยื่นลาออกจากบอร์ดกองทุนฯแล้ว ด้านโรงงานจ่อคิวตาม ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 60/61 ส่อล่าช้า
  • สนข.รับลูกรัฐบาลลุยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาคเหนือ 4 จังหวัดตอนบน หลังนายกฯ สั่งลงทุน 2 หมื่นล้านบาทเชื่อมโยงโลจิสติกส์

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 82 บาท มองผ่านกำไรต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วใน Q2/61 จากการเติบโตของ SSSG, การเปิดสาขาใหม่ และการคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงการกลับมาฟื้นตัวของกำไร MAKRO น่าจะช่วยหนุนให้กำไร Q3/61 ของ CPALL ทรงตัวถึงปรับขึ้น Q-Q ได้ พร้อมคาดกำไรจะโตต่อเนื่องใน Q4/61 เพราะเป็น High Season และการเปลี่ยนธีม Stamp เป็นตัวการ์ตูน Line Friends ได้รับการตอบรับดี คาดกำไรจะกลับมาโตอีกครั้งในปี 2562 ราว 14.6% จากที่คาดจะทรงตัวในปีนี้
  • CK (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 31 บาท ได้ Sentiment บวกจากการจับมือกลุ่ม CP เข้าประมูลรถไฟความเร็วสูงในวันนี้ ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนเงินลงทุนในบริษัทลูก (BEM, CKP และ TTW)
  • SVI (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 6.60 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที่ 258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% YoY แต่ลดลง 5% QoQ ผลประกอบการดีกว่าที่คาดถึง 15% หลัก ๆ มาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำกว่าคาด แต่ผลกำไรถือว่าสอดคล้องกับที่ตลาดคาด การเติบโตเชิง YoY ที่แข็งแกร่งมาจาก GPM ที่สูงขึ้นหลังจาก SVI สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 ที่ผ่านมา ส่วนกำไรลดลงเล็กน้อย QoQ เป็นผลจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ เทียบกับการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 2/2561 หากตัดรายการดังกล่าวออก กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติถือว่าแข็งแกร่งที่ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268% YoY และ 29% QoQ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ