นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าผลการดำเนินงานปี 61 จะออกมาขาดทุน หลังจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ยังมีผลขาดทุนอยู่ 38.89 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนจึงส่งผลต่อราคาวัตถุดิบ รวมถึงเงินสกุลจ๊าดของเมียนมาอ่อนค่าลง
ขณะเดียวกันบริษัทยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท Intelipac Paper Manufacturing Ltd (IPM) และ บริษัท Intelipac Limited (ITP) ประเทศอังกฤษ และหุ้นสามัญ 25% ของ บริษัท Intelipac Australia PTY Limited (ITPA) ประเทศออสเตรเลีย โดยปัจจุบัน ITP ถือหุ้นใน ITPA ในสัดส่วน 75% ซึ่งบริษัทยังต้องชำระเงินส่วนที่เหลือ จำนวน 4.5 ล้านปอนด์ในไตรมาส 4/61
"ไตรมาส 4 อาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่น เพราะเรายังมี effect ค่าใช้จ่ายต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ด้วย แต่อย่างไรก็ตามผลขาดทุนจะต่ำลง จากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น และได้ปรับราคาขายสินค้าในประเทศเมียนมาร์ให้สะท้อนค่าเงินที่อ่อนค่าลงด้วย"นายกมล กล่าว
สำหรับปี 62 บริษัทมั่นใจผลประกอบการจะกลับมามีกำไรสุทธิได้ โดยบริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความยั่งยื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง กลุ่มยา และอื่นๆ ขณะเดียวกันจะยังไม่มีการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนภายในหลังจากลงทุนไปค่อนข้างมากแล้วในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการเข้ามาเต็มปี หรือมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท และธุรกิจเดิมของบริษัทก็มีการเติบโตต่อเนื่อง จึงคาดว่ารายได้ปี 62 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25%
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 42% ออสเตรเลีย 22% ญี่ปุ่น 8% อังกฤษ 6% สหรัฐอเมริกา 9% นิวซีแลนด์ 6% และอื่นๆ 7%