(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์หลัง Bond Yield อ่อนลง-เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่า-มีสัญญาณบวกจากเม็ดเงินต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 19, 2018 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะรีบาวด์กัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(Bond Yield) ของสหรัฐฯ ได้อ่อนตัวลงมาแตะระดับ 3.06% ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลง ทำให้เป็นผลดีต่อ Emerging Market

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบก็ยืนได้บ้างแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้งตลาดบ้านเราก็ได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติเริ่มมีสัญญาณบวก จากที่ขายสุทธิแผ่วลง และมีการทำ Long ในตลาดฟิวเจอร์ส และคาดว่าจะมีเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาในสัปดาห์นี้ด้วย

พร้อมให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 3/61 ที่จะประกาศวันนี้ โดยให้แนวรับ 1,630-1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,413.22 จุด พุ่งขึ้น 123.95 จุด (+0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,736.27 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด (+0.22%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,247.87 จุด ลดลง 11.16 จุด (-0.15%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 1.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 95.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.74 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.43 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 22.47 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ย.61) 1,635.00 จุด ลดลง 3.83 จุด (-0.23%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 304.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ย.61) ปิดทรงตัวที่ 56.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ย.61) ที่ 5.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.86 มองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 32.80-32.95 ตลาดรอดูตัวเลข GDP Q3/61 ของไทย
  • สรท.ประเมินส่งออกไตรมาส 4 ลุ้นเหนื่อยเข็นเป้า 8% ชี้มีโอกาสเสี่ยงหลุดเป้าเล็กน้อย หวัง "จีน-สหรัฐ" เร่งรับมอบสินค้าสต็อกสินค้าก่อนเก็บภาษีนำเข้าอัตราใหม่ ช่วยกระตุ้นส่งมอบสินค้า ปลายปีนี้ "พาณิชย์" ยืนยันเป้า 8% ไตรมาสสุดท้ายปรับกลยุทธ์กระตุ้นตลาด นักเศรษฐศาสตร์มองต่าง "ทีเอ็มบี" ประเมินส่งออกใหม่จ่อลดเป้า กรุงศรีคาด ต.ค. กระเตื้อง หนุนไตรมาส 4 โต 11%
  • แบงก์เผยสินเชื่อการค้าต่างประเทศ ชะลอตัว หวั่นติดลบปีหน้า เหตุสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ฉุดส่งออก ชี้ลูกค้าเริ่มรับผลกระทบ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบุบางรายเริ่มผิดนัดชำระหนี้ "ทีเอ็มบี" เกาะติดเพิ่มระมัดระวังปล่อยกู้กลุ่มส่งออก
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุมาตรการเพิ่มเงินดาวน์ ตามนโยบาย ธปท. ที่จะมีผล เม.ย.62 เร่งยอดโอนบ้านสิ้นปี ถึงไตรมาสแรก ยอดถล่มทลาย พ่วงแบงก์เร่งปล่อยกู้ คาดยอดสิ้นปีทะลุ 5.2 แสนล้าน ด้านคอนโดฯ ซัพพลายชะลอตัว สวนทางแนวราบ
  • ค้าปลีกแนะภาครัฐ ออกมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีน อ้อนรัฐจัดช็อปช่วยชาติกระตุ้นจับจ่ายปลายปีอีกรอบ
  • ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา สายการบินต้นทุนต่ำ และสายการบินประเภทอื่นๆ รวม 6 สายการบินนกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยสมายล์ และไทยเวียตเจ็ต ได้เข้าหารือขอให้พิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ ลดภาระต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเติมเครื่องบิน สำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CMC (บมจ.เจ้าพระยามหานคร) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO ที่ 3 บาท/หุ้น โดยบริษัทฯดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม
และบ้านเดี่ยว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียมเป็นหลักและส่วนใหญ่อยู่ในทำเลตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบ
รางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้ชื่อแบรนด์ "แบงค์คอก ฮอไรซอน" "แบงค์คอก เฟ'ลิซ" และ "ชาโตว์ อินทาวน์" ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการมูลค่าประมาณ 4,100 ล้านบาท โครงการระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 10 โครงการที่คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท
  • SAWAD (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 55 บาท คาดตลาดจะทยอยปรับประมาณการณ์กำไรและราคาเป้าหมายขึ้นหลังจากที่ผลประกอบการ Q3/61 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นและดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ จากแรงหนุนของยอดสินเชื่อที่ยังเติบโต และ NPL ลดลง
  • AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 30 บาท กำไรปกติ Q3/61 อยู่ที่ 360.9 ล้านบาท +585% Q-Q แต่ -42% Y-Y การโอนที่ดินยังไม่สูง จึงทำให้กำไรลง Y-Y แต่ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนอมตะบีกริมเพาเวอร์เพิ่มขึ้นมาก และที่ดินในเวียดนามโอนได้ต่อเนื่อง จึงทำให้กำไรกลับมาฟื้นแรง Q-Q โดยยังมีมุมมองที่ดีต่อ AMATA ในระยะยาว คาดกำไรปีนี้ 1.5 พันล้านบาท +8% Y-Y และปีหน้า 1.8 พันล้านบาท +19.2% Y-Y จากบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น และความเชื่อมั่นของต่างชาติมากขึ้นตามภาพการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแถบ EEC ที่มีความชัดเจน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ