ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,636.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 29,913.87 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,640.53 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,630.96 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 447 หลักทรัพย์ ลดลง 819 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 507 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ วอลุ่มเทรดน้อยมาก เนื่องจากช่วงสั้นได้สัญญาณลบจากปัจจัยในประเทศในเรื่องของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/61 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่ติดลบ ทำให้สะท้อนมาที่ดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งถ้าต่อไปติดลบก็จะทำให้มีผลต่อค่าเงินบาทได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องการท่องเที่ยวก็แผ่วไปแล้ว แล้วยังมาเจอปัญหาส่งออกอีก
ขณะที่ปัจจัยนอกประเทศในเรื่องราคาน้ำมันดิบก็อาจจะอยู่ในทิศทางที่รีบาวด์ได้ จากความคาดหวังการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจจะลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ แต่พอดีบ้านเรามาเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศ ทำให้คนไม่กล้าที่นำเงินใหม่เข้ามาเล่น และก็มีบางส่วนที่ติดหุ้นอยู่ ซึ่งตอนนี้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหดหายไปมาก สังเกตได้จากวอลุ่มเทรดที่น้อยมาก
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราวันนี้ดูอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.7% โดยยังติดตามเรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) และทิศทางราคาน้ำมันดิบ
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ โดยยังมีความคาดหวังจากการประชุม G20 พร้อมให้แนวรับ 1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,763.98 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,579.80 ล้านบาท ปิดที่ 180.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,308.08 ล้านบาท ปิดที่ 69.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,056.48 ล้านบาท ปิดที่ 196.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,018.22 ล้านบาท ปิดที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท