โกลเบล็ก แนะจับตาปัจจัยกดดัน ศก.โลก-แนะลงทุนหุ้นเข้าดัชนี FTSE SET Large Cap Index

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 18, 2018 10:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศ อาทิ สหรัฐฯเตรียมเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มขึ้น 2 แสนล้านดอลลาร์ ไปเป็นเดือนมีนาคม 2562 ขณะที่จีนเองก็ยอมลดอัตราเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเหลือ 15% เป็นเวลา 90 วันจากเดิมที่เรียกเก็บภาษีที่ระดับ 40%

รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 62 ภายหลังเครื่องมือ Fed Watch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ลดลงจากคาดการณ์เมื่อเดือน พ.ย.ว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ทรงตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน พ..ย.ขยายตัวน้อยกว่าคาด ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนเข้ามาซื้อกองทุน LTF-RMF ในช่วงปลายปีช่วยพยุงดัชนี SET ไม่ให้หลุดระดับ 1,600 จุด

ขณะที่ปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้มาจากการที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวเพิ่มขึ้น หลังจากจีนรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ประกอบกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปี 61 เหลือ 1.9% จากเดิม 2% และปี 62 เหลือ 1.7% จากเดิม 1.8%

ขณะที่กลุ่มประเทศยูโรโซนรายงานดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการในเดือน ธ.ค.ร่วงลงสู่ 51.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 49 เดือน อีกทั้งเม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow) ยังคงไหลออกต่อเนื่อง เนื่องจากการทยอยปิดสถานะก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ โดยยอดขายสุทธินักลงทุนต่างชาติ 2.8 แสนล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ มีดังนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน พ.ย. เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือน ธ.ค.ในวันที่ 18 ธ.ค. และในวันที่ 19 ธ.ค.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดรับฟังความเห็นของพรรคการเมือง

ส่วนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีกำหนดแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 20 ธ.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันที่ 20 ธ.ค ส่วนวันที่ 21 ธ.ค. สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 3/61 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน พ.ย.และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค.

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัวคาดการณ์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,585–1,625 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเข้าคำนวณใหม่มีผล 24 ธ.ค.ของดัชนี FTSE SET Large Cap Index ได้แก่ GULF ดัชนี FTSE SET และ Mid Cap Index ได้แก่ AEONTS, OSP, THANI, TU รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์มาตรการช็อปช่วยชาติ ยางรถ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ GYT, HFT, IRC, NDR, SE-ED, COL

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ตลาดมั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่เนื่องจากกรรมการ FOMC หลายคน รวมทั้งประธานเฟดต่างส่งสัญญาณว่าจะคงดอกเบี้ยยาวไปอย่างน้อยถึงกลางปีหน้า สะท้อนมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับศักยภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบัน และอาจเป็นการสะท้อนความไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะรักษาระดับการขยายตัวได้ดีอย่างนี้ต่อไปได้ในระยะกลาง ส่งผลให้ทองคำยังคงแนวโน้มขาขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและปลอดภัยจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจรอบโลก

ในขณะที่ค่าเงินบาทได้รับผลกระทบไม่มากนัก จึงมีกรอบแกว่งตัวที่ชัดเจน และไม่ส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศ จึงคงคำแนะนำให้เล่น swing long หากราคาอยู่เหนือ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ และเล่น trading ในกรอบระหว่าง 1,210–1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ หากราคาลงมาอยู่ใต้ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ