AEC มองหุ้นไทยยังผันผวนรับปัจจัยเสี่ยงตปท.ยังส่อแวววุ่น แต่มองระยะกลาง-ยาวสงครามการค้าผ่อนคลาย-ศก.โลกดีหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2019 15:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เออีซี (AEC) ประเมินหุ้นไทยยังมีความผันผวน จากภาพรวมตลาดหุ้นในต่างประเทศ ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงกลาง-ยาว ยังให้น้ำหนักส่วนใหญ่กับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เริ่มมีบรรยากาศการเจรจาที่ดีขึ้น และคาดจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นในการประชุมระหว่างผู้นำระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 30-31 ม.ค. นี้ โดยหากเป็นไปด้วยดี คาดทำให้นักลงทุนกลับมามองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ประกอบกับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนที่จะชะลอแผนขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 62

ภาพรวมตลาดหุ้นในต่างประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุน โดยเฉพาะการปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อที่สุดถึง 24 วันในขณะนี้ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และวุฒิสภา ยังไม่มีทีท่าจะสามารถตกลงร่างงบประมาณของสหรัฐฯ ได้ จากความขัดแย้งต่อประเด็นงบกำแพงกั้นเขตเม็กซิโก โดยที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าทุก ๆ 2 สัปดาห์ที่อยู่ในภาวะปิดหน่วยงานสหรัฐฯ จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงไตรมาส 1/61 ลดลง 0.1%

ขณะเดียวกันกรณีที่ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเปิดลงมติร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับล่าสุดที่ผ่านการประชุมร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีสัญญาณไม่ดีนัก เนื่องมีความขัดแย้งภายในฐานเสียงของพรรครัฐบาล ทำให้หลายฝ่ายคาดร่างกฏหมายดังกล่าว จะได้รับคะแนนเสียงไม่เพียงพอที่จะผ่านร่างกฏหมายดังกล่าวไปได้ (320 เสียง จาก 639 เสียง) ส่งผลให้อังกฤษมีแนวโน้มที่จะต้องออกจากกลุ่ม EU โดยไร้ข้อตกลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจ ของทั้ง EU และอังกฤษ

ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังคงผันผวน โดยให้น้ำหนักไปยังกลุ่มที่น่าลงทุนกลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค เนื่องจากได้รับอานิสงส์บวกทั้งราคาขาย และยอดขาย ในพื้นที่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ AMATA เพราะปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่ ขณะที่หุ้นที่น่าจับตาอีกตัวคือ WHA โดยมีการคาดการณ์ว่า ในปี 62 WHA ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ และ คาดจะมีลูกค้าเข้ามาเช่าพื้นที่ เพิ่มจากคลังสินค้าอีกกว่า 1 แสนตารางเมตร (ตร.ม.)

หุ้น EASTW ที่มีการประเมินว่าในปี 62 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไร ซึ่งสอดคล้องรับไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำดิบ ในนิคมฯเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ ในระยะยาว EASTW ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วน การจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยล่าสุดเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้ รายได้ปี63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี64)

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัย ยังแนะนำลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเน้นหุ้นประเภทที่มีลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้า ที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปี ข้างหน้า ได้แก่ BGRIM โดยมองว่า ปี62 มีแผน COD โรงไฟฟ้า เพิ่มอีก 682 เมกะวัตต์ (MW) ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2,773 MW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3,130 MW

ขณะที่หุ้น BPP ประเมินว่า ปี 62 BPP มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312 MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48 GW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW และ GUNKUL มองว่า ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105 MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543 MW


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ