AEC แนะเกาะติดเคาะวันเลือกตั้ง คาดช่วยศก.ไทยปีนี้โต 4-4.2% ดัน SET ยืนแดนบวก -ต่างชาติกลับมาซื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 22, 2019 10:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เออีซี (AEC) แนะติดตามความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้งของไทย โดยมองว่าหากทุกอย่างชัดเจน จะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในปี2562 มีแนวโน้มขยายตัวได้ราว 4.0-4.2% โดยอ้างอิงภายใต้หากมีการเลือกตั้งระดับประเทศ และท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดในช่วงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้น กว่า 30,000 ล้านบาท ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น จากเดิมได้อีก 0.3% โดยคาดว่า SET Index จะกลับมาสามารถยืนในแดนบวก และเคลื่อนไหวแบบ Sideway up โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ

ดังนั้น AEC ยังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มน่าลงทุน ได้แก่ หุ้น SAWAD, MTC และ AMANAH เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากกฎระเบียบ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อ ที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันในวันที่ 25 ม.ค. นี้ โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศ ได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นดังกล่าวจะได้อานิสงส์

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัย ยังแนะนำลงทุนใน หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค ซึ่งได้อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ AMATA, EASTW และ GULF หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งยัง เลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า โดยแนะนำ BGRIM, BPP และ GUNKUL

ขณะที่ หุ้นขนาดเล็ก ที่คาดกำไรปี 2562 โตเด่นบวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT และ HARN ส่วนภาพรวมของ ตลาดต่างประเทศนั้น ทางฝ่ายวิจัย มองว่า ยังคงเคลื่อนไหวแบบ Sideway up แม้จะมีแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า โดยมีการรายงานข่าวว่า จีนจะมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น โดยจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าลดลงเหลือศูนย์ในปี 2567 บวกกับในวันที่ 30-31 ม.ค. จะมีการเจรจาการค้าอีกครั้ง ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีของจีน และสหรัฐฯทำให้เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหุ้น

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบอยู่ในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง จากผลของสถานการณ์สงครามทางการระหว่างสหรัฐฯ-จีน มีความคืบหน้าบวกกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดกำลังการผลิตลง สะท้อนถึงการร่วมมือกันในกลุ่มตามข้อตกลงร่วมกันปรับลดกำลังการผลิตแต่ยังมีความเสี่ยงจาก ภาวะปิดหน่วยสหรัฐฯที่ยังคงยืดเยื้อยาวนาน หลังมีความขัดแย้งในประเด็นงบกำแพงกั้นเขตเม็กซิโก มูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะยื่นข้อเสนอขยายการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ (Dreamer) แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยพรรคเดโมแครต ทำให้คาดว่า วุฒิสภาจะไม่เห็นด้วยเช่นกันเนื่องจากพรรคเดโมแครต คุมเสียงข้างมาก

อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีผลการดำเนินงาน ทั้งดีกว่าตลาดคาดและแย่กว่าตลาดคาด ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลข GDP ของจีนในไตรมาส 4/61 และปี 2561 ที่ออกมาจะกดดัน Sentiment ตลาดหุ้นในระยะสั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ