ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,620.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด (+0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 60,838.32 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,628.21 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,614.56 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 651 หลักทรัพย์ ลดลง 671 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 506 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ แต่ดัชนีฯยังยืนในแดนบวกได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็บวกได้ ทั้งนี้ตลาดฯได้ตอบรับช่วงสั้นในประเด็นการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการเก็งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้มีแรง Take Profit บ้างในหุ้นบางตัว อีกทั้งเมื่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP)ของประเทศไทย ฉบับใหม่ปี 2561-2580 ก็ทำให้เกิด Sell on fact ออกมาด้วย
อย่างไรก็ดี ให้จับตาเรื่องการปิดหน่วยงานรัฐฯของสหรัฐฯว่าจะกลับมาเปิดได้เมื่อไร หลังจากที่ปิดมา 1 เดือนแล้วซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ GDP ของสหรัฐฯด้วย และให้ติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงปลายเดือนนี้ด้วย ส่วนบ้านเราให้ติดตามการพูดคุยกันเกี่ยวกับโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งจะเจรจากับผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอ และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector ต่อไป
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway ในกรอบแคบ แต่หากดัชนีฯยังยืนเหนือระดับ 1,600 จุด ก็ไม่น่าเป็นห่วง พร้อมให้แนวรับ 1,605 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 5,593.00 ล้านบาท ปิดที่ 77.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,248.72 ล้านบาท ปิดที่ 49.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,539.43 ล้านบาท ปิดที่ 68.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,507.29 ล้านบาท ปิดที่ 69.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,378.52 ล้านบาท ปิดที่ 192.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท