NPPG-W4 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 128.41 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.80 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.84 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.70 บาท
ส่วนหุ้น NPPG ปิดที่ 1.15 บาท ลดลง 0.09 บาท (-7.26%) มูลค่าซื้อขาย 29.32 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.23 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 1.23 บาท และราคาลงต่ำสุด 1.15 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) (NPPG) ใช้ชื่อย่อว่า NPPG-W4 ที่ 0.80 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 1.24 บาท และความผันผวนของหุ้นที่ 81.9% คิดเป็น All-in Premium ที่ +4.5% ด้านผู้ได้รับ NPPG-W4 มีต้นทุนจากการขึ้นเครื่องหมาย XRW 0.50 บาท (ส่วนต่างของราคาวันก่อน และหลังเครื่องหมาย XRW อยู่ที่หุ้นละ 0.20 บาท) เทียบ NPPG-W4 กับ NPPG แล้ว มองว่า NPPG-W4 สามารถใช้แทนการเก็งกำไรในหุ้นแม่ได้ หากไม่คำนึงถึงประเด็นด้านสภาพคล่อง โดย NPPG-W4 มี Effective Gearing ที่ 1.4 และมีสถานะที่ค่อนข้าง Deep-In-The-Money รวมถึงมีการใช้สิทธิที่ยืดหยุ่นทุกไตรมาสพร้อมทั้งอายุที่นานถึง 3 ปี
พร้อมให้กรอบมูลค่า NPPG-W4 ไว้ที่ 0.72-0.88 บาท เมื่อราคาหุ้น NPPG เคลื่อนไหวในกรอบ 1.14-1.34 บาท โดยมี Volatility 82% per year
NPPG ธุรกิจหลักได้แก่ ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ เช่น พลาสติกชนิดอ่อนตัว ( Flexible Packaging ) ขวด พีอีที ( PET : Polyethylene Terephthalate Bottle) และบรรจุภัณฑ์พลาสติกขึ้นรูปด้วยระบบ Vacumm เช่น ถาดบรรจุอาหาร เพื่อใช้สำหรับบรรจุสินค้าอุปโภคและบริโภคประเภทต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนและประกอบธุรกิจต่างๆ ที่มีความต่อเนื่อง และเป็นการสนับสนุนธุรกิจหลัก เช่น ธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งและอาหารพร้อมทาน ธุรกิจติดตั้งสื่อโฆษณาในสถานีบริการปั้มน้ำมัน และธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์
NPPG-W4 จำนวนที่ออก 749 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2.5 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 0.50 บาท อายุ 3 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของทุกไตรมาส (โดยใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 29 มี.ค. 2562 และยกเว้นวันทำการสุดท้ายของเดือน ธ.ค. 2564 ที่จะเลื่อนไปวันที่ 22 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันหมดอายุแทน)