นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 62 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยที่ประมาณ 5% โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขาย 54,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5.7% รายได้ 47,000 ล้านบาท เติบโต 4.7%
สำหรับการเติบโตในปีนี้จะมาจากกลุ่มคอนโดมิเนียมและกลุ่มพรีเมียม จากการรักษาความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ รวมถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากช่องทางขายใหม่ ๆ ได้แก่ B2B, MGM และ Pruksa Member
ขณะที่บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 55 โครงการ มูลค่า 68,100 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 28 โครงการ มูลค่ารวม 2.65 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.21 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนียม 11 โครงการ มูลค่ารวม 2.09 หมื่นล้านบาท และ โครงการพรีเมียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 8.6 พันล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้ราย ณ สิ้นปี 61 ที่ 33,233 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่สูงสุดเท่าที่ผ่านมา ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 21,638 ล้านบาท
นางสุพัตรา กล่าวว่า แผนกลยุทธ์หลักในปี 62 บริษัทมุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนปรับ Portfolio ของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มระดับกลางบนเพิ่มมากขึ้น และขยายโครงการใหม่ไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ ขอนแก่น ระยอง สระบุรี และนครปฐม พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิมในตลาดแวลู
โดยในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการไฮไลท์หลายโครงการ อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวสำหรับกลุ่มตลาดบนกับแบรนด์ The Palm รวมถึงมีการนำแบรนด์ IVY กลับมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น และรุกตลาดพรีเมียมเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ "Chapter" ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ PSH ได้ต่อยอดความสำเร็จ ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation เดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO -TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ด้วยการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาปรับใช้ในทุกกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
เริ่มตั้งแต่การนำ Big Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อนำมาใช้พัฒนาในด้านต่างๆ อาทิ การนำข้อมูลมาพัฒนาด้าน Product and Innovation Design สำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตรงกับความต้องการมากขึ้น การทำการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุก Customer Journey ได้เฉพาะเจาะจง
รวมไปถึงการพัฒนาด้านการบริการด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านในการอยู่อาศัยแบบครบวงจรอย่าง The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบ ในแอปเดียว ตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย ได้แก่ การชำระค่าผ่อนดาวน์ รวมไปถึงระบบ Smart Home (สั่งการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านมือถือ), Smart Facilities (จองพื้นที่ส่วนกลาง), Mail & Parcel แจ้งเตือนรับจดหมายหรือพัสดุ และในแอปพลิเคชันยังมีข้อมูลสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า Pruksa Member และบริการต่างๆ จากผู้ช่วยอัจฉริยะ อาทิ บริการทำความสะอาด ล้างแอร์ รับ-ส่งพัสดุ งานช่าง เป็นต้น สำหรับลูกค้าสามารถดาวน์โหลดผ่าน Play Store และ App Store ได้ในวันนี้
นอกเหนือจากแผนกลยุทธ์ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในเรื่องของคุณภาพเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่พฤกษายังคงมุ่งเน้นใส่ใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนรุกธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ มากยิ่งขึ้น
นางสุพัตรา กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 61 ว่า บริษัททำยอดขายได้สูงถึง 51,101 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี นับจากก่อตั้งบริษัท เติบโตเพิ่มขึ้น 7.5% จากปี 60 ที่มียอดขายรวม 47,535 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 44,901 ล้านบาท เติบโต 2.2% จากปี 60 ที่มีรายได้ 43,935 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,022 ล้านบาท เติบโต 10.4% จากปี 60 ที่มีกำไร 5,456 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าของการจัดตั้งโรงพยาบาลวิมุตนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างชั้นใต้ดิน และภาพรวมมีความคืบหน้ากว่าแผนงาน 10 วัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอาคาร 18 ชั้นได้ในเดือน พ.ค.62 และแล้วเสร็จในอีก 14 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4/63 อย่างไรก็ดี การก่อตั้ง"บ้านหมอวิมุต"ถือเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเข้าถึงชุมชนก่อนเริ่มดำเนินกิจการโรงพยาบาล ซึ่งฐานลูกค้าเบื้องต้นเป็นกลุ่มลูกบ้านของบริษัท และลูกค้าในทำเลศักยภาพจากโครงการอื่น ๆ
"บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากรักษาฐานในตลาดเดิมและรุกตลาดพรีเมียมมากขึ้น ประกอบกับใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำระบบดิจิทัลมาพัฒนาในทุกกระบวนการทั้งการพัฒนาสินค้าบริการและช่องทางการขาย รวมถึงควบคุมคุณภาพและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งการดำเนินงานโรงพยาบาลวิมุต"นางสุพัตรา กล่าว