CHAYO ตั้งเป้ารายได้โตมากกว่า 15%, ซื้อหนี้มาบริหารราว 1 หมื่นลบ.ตั้งงบลงทุนรวม 1.0-1.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 27, 2019 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 62 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยประเมินว่าตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับปี 61 ประกอบกับการประกาศใช้มาตรฐานการบัญชีใหม่ (TFRS 9) อาจส่งผลให้กลุ่มสถาบันการเงินต้องเร่งขาย NPL ออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะได้เข้าไปลงทุนซื้อหนี้ NPL เข้ามาบริหาร อีกทั้งในปีนี้บริษัทเน้นกลยุทธ์เชิงรุกในทุกธุรกิจ และยังเน้นการลงทุนในธุรกิจหลักคือการซื้อหนี้มาบริหารเช่นเดิม ประกอบกับการรุกธุรกิจปล่อยสินเชื่อที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตมาเป็นหลัก

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน 70-80% ไม่มีหลักประกัน 20-30% ส่วนงบลงทุนวางไว้ที่ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อหนี้เข้ามาบริหารประมาณ 1,000-1,250 ล้านบาท และอีกประมาณ 200-250 ล้านบาท ใช้สำหรับธุรกิจปล่อยกู้ โดยแหล่งเงินลงทุนมาจากการออกหุ้นกู้ วงเงินเพิ่มทุน General Mandate - PP จำนวน 56 ล้านหุ้นและกระแสเงินสดของบริษัท

ส่วนธุรกิจใหม่ในปี 62 ประกอบด้วยธุรกิจ สินเชื่อบุคคล (Personal Loan) และสินเชื่อนาโน (Nano Finance) ซึ่งบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาต (ไลเซนส์) ให้ประกอบกิจการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว โดยจะเริ่มดำเนินธุรกิจสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทภายในไตรมาส 1/62 ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ยังอยู่ระหว่างรอผลการอนุมัติจาก ธปท.

ทั้งนี้ ในการดำเนินธุรกิจด้านการปล่อยสินเชื่อ บริษัทจะดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย "ชโย แคปปิคอล" ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย "ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส"

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจปล่อยสินเชื่อคือพนักงานประจำ ทั้งบริษัทเอกชนและรัฐบาล ลูกจ้างประจำ หรือลูกค้าเดิมที่มีธุรกรรมกับบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นความต้องการและศักยภาพของลูกค้า ขณะที่จุดแข็งของบริษัทฯ คือความชำนาญในการเก็บและปล่อยสินเชื่อ จึงมั่นใจว่าธุรกิจปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท จะผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายสุขสันต์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดปี 61 มีรายได้รวมอยู่ที่ 255.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.67 ล้านบาท หรือ 24.11 % และกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.69% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้กำไรโตเกิน 10% จากปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 64.13% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 33.42%

"สาเหตุที่ทำให้รายได้รวมและกำไรสุทธิในปี 61 ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากธุรกิจหลักซึ่งได้แก่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์หรือซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหาร โดยเฉพาะหนี้ที่มีหลักประกันที่ได้ซื้อในปี 60 และ 61 ได้เริ่มมีการทยอยขายออกไปเพื่อสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ประกอบกับยอดจัดเก็บของหนี้ที่ไม่มีหลักประกันมีการจัดเก็บเพิ่มขึ้นและการตัดต้นทุนที่น้อยลง ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้และกำไรสุทธิ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายสุขสันต์ กล่าว

ในปี 61 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถซื้อหนี้ได้ตามเป้าหมาย โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 ซื้อหนี้แล้ว 374.96 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้าง ณ สิ้นปีก่อนที่ 38,349 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 35,181 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 3,168 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ