AP ตั้งเป้ายอดขาย 4.18 หมื่นลบ. รายได้รวม 3.59 หมื่นลบ.เตรียมเปิด 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5.68 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 28, 2019 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า บริษัท ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 41,800 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ 35,900 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมทั้งโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ารวม 50,025 ล้านบาท เป็นแนวราบ 7,935 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (รวม JV) มูลค่า 42,090 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของ AP มูลค่า 2,310 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ และโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,780 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 62 ประมาณ 7,569 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 66

ในครึ่งปีแรกนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 30,440 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 17 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และทาวน์โฮม 11 โครงการ มูลค่ารวม 16,840 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 4 โครงการ

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/62 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช ขนาด 553 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เปิดจองวันที่ 2-3 มี.ค., ASPIRE อโศก-รัชดา ขนาด 1,025 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เปิดจอง วันที่ 30-31 มี.ค. และโครงการไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ในกลุ่ม Upper High-End มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ขนาด 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.50 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 210,000 บาทต่อ ( ตร.ม.) เปิดจองรอบพิเศษที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มี.ค.ตั้งเป้ายอดขาย 40-60%

นอกจากนั้น ยังจะมีการเปิดตัวโครงการในช่วงที่เหลือของครึ่งปีแรก คือ LIFE สาทร SIERRA มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน

นายวิทการ กล่าวว่า การเปิดโครงการในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นในการขยายตลาดไปสู่แนวราบมากขึ้น ซึ่งจะเปิดตัวโครงการมากถึง 34 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท และทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท โดยจะขยายไปในทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ บางใหญ่ สวนผัก อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น บนทำเลที่ติดถนนใหญ่และเป็น Multiple Connect ที่เชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการลดเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทาง

และนอกจากการนำเสนอนวัตกรรมสเปซที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการของทุกช่วงชีวิตแล้ว ในปีนี้ยังได้นำร่องยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrasturcture) ในพื้นที่ส่วนกลาง โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายใต้คีย์สำคัญ คือ เน้นประโยชน์ ที่แท้จริงและการคืนกลับที่ยั่งยืนในการใช้ชีวิตของลูกบ้าน เช่น เทคโนโลยี Solar Cell การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และ Water Recycle System ระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ในพื้นที่สวนของโครงการ เป็นต้น หรือการนำร่องใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของโครงการ

"เรามองว่าตลาดแนวราบปีนี้น่าจะยังคึกคักอยู่ จากโลเคชั่นที่ดี และการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า โดยปีที่ผ่านมาเราได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลการตัดสินใจซื้อบ้าน พบว่า คนอายุน้อย จะซื้อทาวน์โฮมมากขึ้น ในขณะที่คนที่มีครอบครัวใหญ่ หรือคนที่กำลังจะมีบุตรในอนาคตก็จะตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยว ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาเป็นข้อมูลที่เรานำมาออกแบบบ้าน โดยเราได้เตรียมสินค้าในทุกเซ็กเมนต์เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อเอาไว้แล้วในปีนี้ ซึ่งมีแบบ้านมากถึง 70 แบบ"

ส่วนแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่ ASPIRE ใน 2 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท – อ่อนนุช และอโศก-รัชดา ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนทำงาน โดยมีโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) รวมทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS, RHYTHM, และ LIFE เป็นต้น

นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว กลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ยังประกอบด้วย การสร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต, ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียมในเครือเอพีอย่างต่อเนื่องด้วย AI BIM (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ และต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART

โดยในปีนี้ BC จะขยายตลาดเมืองรองในต่างประเทศต่อเนื่อง เช่น คุนหมิง หนานจิง ซีอาน ในประเทศจีน และในโอซาก้า ฟุกุโอกะ ในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ SMART บริษัท Property Management เตรียมเปิดตัว SMART PLATFORM ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัย กว่า 55,000 ครัวเรือน ในกว่า 200 โครงการ ที่ไม่ใช่ในเครือของเอพี ภายในไตรมาส 3 นี้

ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 9,500 ล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยซื้อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ