โบรกฯต่างแนะ"ซื้อ"CPF แนวโน้มกำไร Q1/62 รับผลดีราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น-ต้นทุนวัตถุดิบปรับลง มอง AFS ระบาดเป็นลบระยะสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 17, 2019 15:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 ที่ 3.0-3.5 พันล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโตจากไตรมาสก่อน (QoQ) จากราคาเนื้อสัตว์ คือ หมูและไก่ ดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : AFS) ที่ระบาดในเวียดนาม และเริ่มเข้าไปที่กัมพูชา โดยราคาหมูเวียดนามในเดือน เม.ย.ขยับขึ้น จากเดือน มี.ค.ที่ปรับตัวลง แต่มองว่าผลกระทบต่อ CPF จำกัด ทั้งนี้ สะท้อนในราคาหุ้นแล้วทั้ง ASF และการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานในไตรมาส 2/62

ทั้งนี้ การตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ราว 1.8 พันล้านบาท ทำให้กำไรลดลงในไตรมาส 2/62 ตลาดรับรู้ทั้งเรื่อง AFS และการตั้งสำรองดังกล่าวไปแล้ว

ราคาหุ้น CPF ภาคบ่ายอยู่ที่ 25.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดครั้งล่าสุด ขณะที่ SET +0.79%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้าฯ                         ซื้อ                          33.60
          ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี                   ซื้อ                          30.25
          ฟินันเซียไซรัส                      ถือ                          30.00
          ฟิลลิปฯ                           ซื้อ                          29.50
          เคทีบีฯ                           ซื้อ                          29.00
          โนมูระ พัฒนสิน                     ซื้อ                          28.50

น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/62 ค่อนข้างดี โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3,548 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) 16% และเติบโตจากไตรมาสก่อน (QoQ) 111% จากราคาเนื่อสัตว์ฟื้นตัว ทั้งหมูในเวียดนาม และไทย รวมทั้ง ไก่ในไทยด้วย

ในไตรมาส 1/62 ราคาหมูเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่ 4.6 หมื่นด่อง/กก. (-6.3% QoQ, +49.4% YoY), ราคาหมูในไทยเท่ากับ 73.33 บาท/กก. (+12.8% QoQ, +57.1% YoY) และราคาไก่ในไทยเท่ากับ 34 บาท/กก. (+3% QoQ, +6.3% YoY) ภาพรวมธุรกิจดูดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลบวกต่อรายได้คาดไตรมาสนี้โต 6% YoY และคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.8% เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในไตรมาส 1/61 และ 12.6% ในไตรมาส 4/61

แต่มีความกังวลสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : AFS) ที่ระบาดในเวียดนาม และเริ่มเข้าไปที่กัมพูชา ทำให้ราคาหมูเวียดนามปรับตัวลงมาประมาณ 20% มาที่ 3.9-4.0 หมื่นด่อง/กก. และล่าสุดเม.ย.ราคาหมูปรับตัวขึ้นมาที่ 4.2 หมื่นด่อง/กก. ทำให้สเปรดหมูแคบลง จากต้นทุนการเลี้ยง 3.4 หมื่นด่อง/กก. อาจใช้เวลา 6 เดือน คาดว่าสถานการณ์หมูเวียดนามจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งสัดส่วนรายได้จากเวียดนามเท่ากับ 14% ของรายได้รวม ส่วนในกัมพูชา ราคาหมูยังไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ โรค AFSไม่มีวิธีรักษา ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่โรคนี้ไม่ระบาดไปสู่คน

หากโรค AFS ลามเข้าไทย คาดว่าจะส่งผลให้หุ้น CPF ปรับตัวลง แต่มองเป็นจังหวะเข้าซื้อ เพราะเป็นปัจจัยลบช่วงสั้น และฟาร์มของ CPF เป็นฟาร์มปิด ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ และราคาปรับตัวจะดีขึ้นจากซัพพลายที่หายไป

ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/62 ไม่แน่นอน รวมทั้งมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ราว 1.8 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/62 ทำให้กำไรลดลง จึงแนะนำให้ "ถือ"ราคาเป้าหมาย 30 บาท จากคาดการณ์กำไรปกติทั้งปี 62 อยู่ที่ 9 พันล้านบาท เติบโต 15.8% จากปีก่อน

นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาเนื้อสัตว์ในไทยในไตรมาส 1/62 ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนในเวียดนาม ระยะสั้นรับผลกระทบการระบาดโรค ASF ทำให้ราคาหมูอ่อนตัวลง โดยภาพรวมน่าจะดีขึ้นหลังจากมีการแก้ไขปัญหาแล้ว

กำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 คาดไว้ที่ 3,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ เติบโต 84% QoQ ขณะที่กำไรปกติคาดไว้ที่ 1,136 ล้านบาท เติบโต 238% YoY เพิ่มขึ้น 611% QoQ ส่วนทั้งปี 62 คาดการณ์กำไรปกติอยู่ที่ 9,653 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุ ในไตรมาส 1/62 รายได้หลัก CPF คาดที่ 1.25 แสนล้านบาท (-12.8% QoQ, +4.0% YoY) จากธุรกิจหมูและไก่ในประเทศที่ดีขึ้น ทั้ง QoQ และ YoY ส่วนธุรกิจหมูในเวียดนามดีขึ้น YoY แต่คาดชะลอลง QoQ ตามราคาที่ปรับตัวลง ธุรกิจในต่างประเทศอื่นๆ ยังทำกำไรได้ดี อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 13.8% จาก 9.4% ในไตรมาส 1/62 เพราะราคาสัตว์บกสูงขึ้นมาก YoY ทำให้ Operation ในประเทศพลิกมามีกำไรในไตรมาสนี้ คาดกำไรสุทธิที่ 3,069 ล้านบาท และกำไรปกติที่ 2,269 ล้านบาท จากที่ขาดทุนปกติ 641 ล้านบาท ในไตรมาส 1/61 และเติบโต 22.4% QoQ

ส่วนประเด็นโรค ASF ระบาดนั้น มองว่า ตลาดตระหนกต่อประเด็นโรค ASF ที่ระบาดในจีน เวียดนาม และกัมพูชามากเกินไป แต่ผลกระทบต่อ CPF จำกัด ขณะที่เป็นการช่วยลดปริมาณผู้เล่นในตลาด ทำให้ราคาหมูในระยะยาวสูงขึ้น

ส่วนประเด็นลบจากการตั้งสำรองประโยชน์ของพนักงงาน 1,812 ล้านบาท เราคาดว่าเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้แล้ว ซึ่งบริษัทจะบันทึกทั้งหมดในไตรมาส 2/62 ประเด็น ASF คาดว่าสะท้อนไปแล้วเช่นกัน ส่วนประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำผลกระทบต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 1% บนสมติฐานที่ 450 บาท/วัน เพราะ Operation ของ CPF กระจายอยู่ในต่างประเทศค่อนข้างมาก จึงไม่เห็นปัจจัยลบใหม่

ส่วนแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/62 คาดดีต่อจากราคาหมูไก่ในประเทศ การส่งออก การลดลงของต้นทุนการผลิตอย่างราคากากถั่วเหลือง และข้าวโพด และราคาหมูในเวียดนามดีขึ้นตามลำดับ จึงเป็นโอกาสในการสะสม ด้วยราคาเป้าหมาย 33.60 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ และให้ CPF เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มอาหารปี 62 แทน TU โดยราคาหุ้น YTD +1.6% เทียบกับกลุ่มอาหาร +8.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ