(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานแต่ไม่มาก หลังมีความไม่แน่นอนเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน/จับตากกต.ประกาศผลเลือกตั้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 7, 2019 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานลงแต่ไม่มาก หลังจากที่มีความไม่แน่นอนในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเมื่อวานนี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับตัวลงหนัก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 10% ในวันศุกร์นี้

อย่างไรก็ดี ทางรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯได้มาออกมาระบุว่ายังมีโอกาสที่จะเจรจากันได้ก่อนถึงวันศุกร์นี้ ทำให้ตลาดเริ่มคลี่คลายเช้านี้ ส่งผลให้ตลาดในเอเชียต่างรีบาวด์ขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่ตลาดฯที่พึ่งจะเปิดทำการอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่นติดลบในเช้านี้

สำหรับบ้านเราวันนี้ให้ติดตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศผลคะแนนการเลือกตั้ง ซึ่งรอดูต่อไปว่าจะมีการพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และวันนี้ให้ติดตามเรื่องที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทารคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) จะเรียกผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเข้ามาแจ้งเรื่องการจ่ายค่าชดเชย ส่วนพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

พร้อมให้แนวรับ 1,672-1,663 จุด ส่วนแนวต้าน 1,684 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,438.48 จุด ลดลง 66.47 จุด (-0.25%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,123.29 จุด ลดลง 40.71 จุด (-0.50%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,932.47 จุด ลดลง 13.17 จุด (-0.45%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 74.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 103.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 23.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 9.21 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ค.62) 1,679.05 จุด ลดลง 0.12 จุด (-0.01%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,661.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ค.62) ปิดที่ 62.25 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5%
  • เงินบาทเปิด 31.91 แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ จับตาความชัดเจนการเมือง,เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน มองกรอบวันนี้ 31.85-32.00
  • กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขต 7 พฤษภาคม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ด้าน "วิษณุ" เผยประชุมร่วมครม.-คสช. 7 พฤษภาคม เตรียมใช้ ม.44 ลบคำสั่ง-ประกาศ "คสช." ขณะ ที่รัฐมนตรีแห่ไขก๊อก นั่ง ส.ว.อีกหลายคน
  • 'ศิริ' เคาะ 1.2 หมื่นล้านบาทกรอบเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2563 ปิดทางงบนโยบายพรรคการเมือง 10%-ปรับเกลี่ยรายแผนแทน มั่นใจแก้ปมโดนโจมตีความไม่โปร่งใส สกัดงบพีอาร์แอบแฝง 'ประจิน' เคาะ 8 พ.ค.นี้
  • จับตาอนุกรรมการพิจารณามาตรการกำกับดูแลยา เคาะมาตรการกำกับดูแลยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ ก่อนชง กกร.ไฟเขียว 10 พ.ค. เพื่อออกประกาศบังคับใช้ตามกฎหมาย ย้ำโรงพยาบาลใดไม่ทำตาม มีโทษทั้งจำและปรับ
  • อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ.เตรียมออกประกาศขอบเขตและเงื่อนไขการลงทุน (ทีโออาร์) เพื่อว่าจ้างบริษัทศึกษาความเหมาะสมในการสร้างโรงงานกำจัดซากโซลาร์เซลล์วงเงิน 10 ล้านบาท ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน คาดว่าใช้เวลาในการศึกษา 1 ปี จะแล้วเสร็จเพื่อให้ทันกับปริมาณซากแผงโซลาร์เซลล์ที่ในปี 2563 จะมีปริมาณสะสมที่ต้องกำจัด 550,000 ตัน หรือ 18 ล้านแผง
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว โดยในปี 62 น่าจะทำให้การค้าและการส่งออกของแต่ละประเทศลดลงจากปี 61 โดยมีประเทศที่การส่งออกหดตัวถึง 60 ประเทศ จาก 94 ประเทศ แต่ในเอเชียมีบางประเทศยังส่งออกได้ดี เช่น อินเดีย บังกลาเทศ เป็นต้น สำหรับไทย แม้ปี 61 มูลค่าส่งออกลดลง แต่ยังทัดทานผลกระทบสงครามการค้าได้ระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ส่วนไตรมาสแรกปี 62 ส่งออกหดตัว 1.6% โดยส่งออกไปจีนหดตัว 9.2% แต่ไปสหรัฐฯ ขยายตัว 32.2%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BDMS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ผ่านพ้นช่วงการลงทุนใหญ่มาแล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไร อีกทั้งยังมี Sentiment บวกจาก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนรอบใหม่มีผล 29 พ.ค.62
  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 11.70 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/62 สดใส 790 ล้านบาท +63% Q-Q, +7% Y-Y ดีขึ้นทั้งปริมาณรถบนทางด่วน จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และรายได้ค่าเช่าพื้นที่และโฆษณา (ส่งงบ 9 พ.ค.) แนวโน้มจะดีต่อใน Q3/62 ที่เปิดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยาย พร้อมปรับขึ้นค่าโดยสารตามจำนวนสถานีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ BEM เป็นพันธมิตรกลุ่ม CP ที่ชนะประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ได้บริหารเดินรถในอนาคต) ส่วนการขยายสัมปทานทางด่วนคาดเข้าครม.เดือนนี้
  • CPF (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 30 บาท คาดงบ Q1/62 ดีกว่าคาด ราคาหมูยังไปต่อ โดยคาดว่า ใน Q1/62 CPF จะมีกำไรสุทธิที่ 3.3 พันล้านบาท +9%YoY, +99%QoQ และราคาสุกรยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากภาวะขาดแคลนสุกรในจีนเพราะปริมาณการผลิตหายไป 30% และราคาถั่วเหลือปรับลงทำให้ต้นทุนอาหารสัตร์ลดลง หากการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนล้มเหลวจะยิ่งหนุนราคาสินค้าเกษตรจีนสูงขึ้นอีก พร้อมคงกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท +4.7%YoY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ