(เพิ่มเติม) BCP เดินหน้าเพิ่มจำนวนปั๊มขาย B20 หลังค่ายรถยนต์รับรองรุ่นรถกระบะ หวังช่วยเหลือเกษตรกร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 9, 2019 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าเพิ่มจำนวนสถานีบริการเพื่อจำหน่ายน้ำมัน ดีเซล B20 ให้มากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลปัญหาราคาปาล์มตกต่ำมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยได้ร่วมส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มด้วยการจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ให้กลุ่มอุตสาหกรรม รถและเรือขนส่ง มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ได้เปิดจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อรองรับรถขนส่งขนาดใหญ่ที่ได้รับการรับรองการใช้จากผู้ผลิตรถ ได้แก่ สแกนเนีย วอลโว่ อีซูซุ ฮีโน่ UD และ MAN และล่าสุดค่ายรถยนต์อีซูซุและโตโยต้า ได้ออกประกาศรุ่นรถกระบะที่ใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบางจากได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อการใช้งานและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาน้ำมันมาตรฐาน Euro 5 และดีเซลเกรดพิเศษ Hi Premium Diesel S รวมถึงได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนมาโดยตลอด

ด้านนายสุรัตน์ มโนรัตนา ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายอุตสาหกรรม บริษัท ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ จำกัด กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 10 ปี ที่ผ่านมา อีซูซุ ได้ร่วมมือกับภาครัฐหลายหน่วยงาน ในการวิจัย พัฒนา ตลอดจนร่วมทดสอบน้ำมันไบโอดีเซล และในขณะเดียวกัน ได้มุ่งมั่น ทุ่มเท พัฒนาผลิตภัณฑ์ของอีซูซุ ทั้งรถปิกอัพ รถบรรทุก และรถอเนกประสงค์ Mu-X ให้สามารถรองรับน้ำมันที่มีสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลที่สูงขึ้น

โดยตัวอย่างหนึ่งในโครงการที่ทำร่วมกันกับบางจาก คือ H-FAME และในขณะนี้ "อีซูซุ" ได้ปรับเครื่องยนต์ที่จะออกใหม่ทุกรุ่นให้รองรับ B20 แล้ว ทั้งรถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่รวมกว่า 400 รุ่น และเริ่มขยายไปสู่รถขนาดเล็ก คือ รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ รุ่นปี 2012-2019 รวม 20 รุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ อีซูซุมิวเอ็กซ์ รุ่นปี 2014-2019 จำนวน 12 รุ่น แต่ต้องเตรียมความพร้อมรถแต่ละรุ่น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนหากจำเป็น โดยลูกค้าอีซูซุสามารถติดต่อและนำรถเข้าศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบ และให้สามารถใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ที่ปรึกษาบริหารอาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้าได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้น้ำมันดีเซล B20 ดังนี้ รถไฮลักซ์ รีโว่ และฟอร์จูนเนอร์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2558-ปัจจุบัน สามารถรองรับการใช้น้ำมัน ดีเซล B20 , รถไฮลักซ์ วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2554-2558 กรณีที่ต้องการเติมน้ำมันดีเซล B20 อย่างต่อเนื่อง และใช้งานในพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียสเป็นประจำ กรุณาขอคำแนะนำจากศูนย์บริการโตโยต้าก่อนการใช้งาน

ทั้งนี้ โตโยต้าหวังว่าการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมแก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้เป็นอย่างดี และสามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย โตโยต้าจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป เพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างกลมกลืน

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถขนส่งขนาดใหญ่ กระทรวงมีนโยบายขยายการใช้น้ำมัน B20 ไปยังกลุ่มรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ขณะนี้บริษัทอีซูซุและบริษัทโตโยต้า ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายรถกระบะที่มียอดขายรวมกันเกือบ 70% ของตลาดรถกระบะโดยรวม ได้ประกาศรุ่นรถกระบะที่สามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ รวมกันมากถึง 97 รุ่น และบางจาก ได้ให้ความร่วมมือขยายจำนวนสถานีบริการที่จำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมในทุกภูมิภาค เพื่อรองรับจำนวนที่เพิ่มขึ้นของรถกระบะและรถขนส่งขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้

ขณะที่ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติขยายเวลาลดราคาน้ำมันดีเซล B20 ให้มีราคาถูกกว่าดีเซลปกติลิตรละ 5 บาท ต่อไปอีก 2 เดือน จนถึง 31 กรกฎาคม 2562 เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถกระบะและรถขนส่งขนาดใหญ่ที่ค่ายรถยนต์ให้การรับรองอย่างต่อเนื่อง เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และลดค่าใช้จ่ายภาคขนส่ง

อนึ่ง วันนี้ BCP ได้ทำพิธีเปิดโครงการ "บางจาก B20 เพื่อรถดีเซล ลดฝุ่น ประหยัดเงิน" ณ สถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาพระราม 2 กม.12 โดยมีรมว.พลังงาน เป็นประธานในพิธี และผู้บริหารของกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารบางจาก ผู้บริหารจากบริษัทรถยนต์ เป็นต้น

รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า กรมธุกิจพลังงานจะออกประกาศให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานในสัปดาห์หน้า ส่วนการจำหน่าย B10 ยังต้องขึ้นกับความพร้อมของค่ายน้ำมัน ซึ่งเบื้องต้นหลายค่ายก็พร้อมให้ความร่วมมือ โดยหากผู้ค้าน้ำมันจะจำหน่ายน้ำมัน B7 ก็ต้องจำหน่ายเป็น B7 เกรดพรีเมี่ยมแทน และต้องผลิตจากน้ำมันมาตรฐาน Euro 5 ซึ่งจะทำให้ราคา B10 จะถูกกว่า B7 ในอัตรา 3 บาท/ลิตร เพื่อจูงใจให้คนใช้ B10 มากขึ้น และจะส่งผลให้ ราคา B20 ถูกกว่า B7 ถึง 7 บาท/ลิตร โดยไม่ได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับสมดุลจากเงินกองทุนน้ำมันฯแทน

สำหรับในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าไทยคาดว่ารูปแบการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าจะมีการใช้เพียงแก๊สโซฮอลล์ E20 และดีเซล B20 เป็นหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ