ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,646.80 จุด ลดลง 7.21 จุด (-0.44%) มูลค่าการซื้อขาย 45,095.01 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,659.38 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,646.07 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 466 หลักทรัพย์ ลดลง 807 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 438 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แม้ว่าจะปรับตัวลงแต่ก็ยังดูแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ติดลบเฉลี่ยกว่า 1% เช่นเดียวกับตลาดในนยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวลงราว 1% เหมือนกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลงในช่วงบ่ายนี้ไปถึง 200 จุด หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่อแววว่าจะไม่จบดีล และวิตกเรื่องที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ หากการเจรจายังไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้น คงจะต้องรอดูความชัดเจนต่อไป โดยเฉพาะจีนต้องติดตามดูว่าจะมีการตอบโต้หรือไม่
สำหรับตลาดบ้านเราที่ดูแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ น่าจะเป็นผลจากจากปัจจัยการเมืองในประเทศ หลังมีความชัดเจนเรื่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดฯ ส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อไปได้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในลักษณะยังไม่รีบปรับขึ้น ในช่วงรอความชัดเจนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อีกทั้งยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,655 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,126.14 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,673.27 ล้านบาท ปิดที่ 24.70 บาท ลดลง 0.55 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,664.65 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,313.87 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,311.47 ล้านบาท ปิดที่ 54.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท