นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 91.47 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองผลประโยชน์สำหรับพนักงานเกษียณที่มีอายุทำงานไม่น้อยกว่า 20 ปี เพิ่มเป็น 400 วันจากเดิม 300 วัน ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานใหม่ จำนวน 40 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ก็มีคำสั่งซื้อผลิตสินค้าประเภทใหม่ที่นอกเหนือจากการผลิตให้กับเครือบุญรอดเพิ่มขึ้น ประมาณ 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นการจำหน่ายให้กับลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่ เมียนมา, อินเดีย และเวียดนาม เป็นต้น ส่งผลดีต่อกำลังการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 84.7% และคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 88% ได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่ม portfolio ให้มากขึ้น ทั้งการส่งออกและสินค้าพรีเมียม โดยตั้งเป้าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากเดิมอยู่ที่ 7% ซึ่งมองการขยายไปในกลุ่มประเทศอาเซียน, อินเดีย, ออสเตรเลีย และสเปน เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มองการเติบโตนอกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เบียร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจแพ็คเกจจิ้ง ที่ไม่ใช่พลาสติก จำนวน 4 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ราว 2 ราย ซึ่งมีขนาดมูลค่าตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกระแสเงินสดในมืออยู่ที่ 2,421 ล้านบาท ก็น่าจะสามารถรองรับกับการลงทุนดังกล่าวได้ และหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติม บริษัทฯ ก็จะใช้การระดมทุนในช่องทางการเงินอื่นๆต่อไป
นอกจากนี้บริษัทฯ ก็มุ่งเน้นการพัฒนาเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเป็น Automated plants ในอนาคต ซึ่งปีนี้คาดประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มเป็น 88.7% จากปีก่อนอยู่ที่ 87.6% ขณะเดียวกันก็คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 5-10% จากปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากโรงงานราชบุรีกล๊าส อินดัสทรี ขนาดกำลังการผลิต 400 ตันต่อวันเข้ามาเต็มปี และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การขยายตลาดไปในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงการขายในประเทศ