(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ เจอปัจจัยถ่วง Bond Yield สหรัฐฯระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว-หวั่นศก.ชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 29, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ เนื่องจากมีปัจจัยถ่วงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 3 เดือน สูงกว่าอายุ 10 เดือน สร้างความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอ และถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น และยังมีความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วย

ทั้งนี้ Bond Yield อายุ 3 เดือนของสหรัฐฯที่สูงขึ้นเป็นการตอบรับความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่ไม่แน่นอน จากที่ Bond ระยะสั้นโดนขายและหันไปถือระยะยาว ดังนั้นอาจจะทำให้ตลาดผันผวนบ้าง

ส่วนบ้านเราก็จบเรื่องการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็รอดูปัจจัยการเมืองต่อไป ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,623-1,616 จุด ส่วนแนวต้าน 1,638-1,646 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,347.77 จุด ร่วงลง 237.92 จุด (-0.93%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.39 จุด ลดลง 23.67 จุด (-0.84%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,607.35 จุด ลดลง 29.66 จุด (-0.39%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 204.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 15.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 163.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 34.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.11 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ค.62) 1,632.04 จุด เพิ่มขึ้น 7.20 จุด (+0.44%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 12,534.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 พ.ค.62) ปิดที่ 59.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ค.62) ที่ 2.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.88 อ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ แนวโน้มผันผวน ตลาดกังวลสงครามการค้า-ปัญหาหนี้อิตาลี
  • ครม.อนุมัติร่างสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน คลุม 28 ประเด็น "ร.ฟ.ท."ลงนามกลุ่มซีพีภายใน 15 มิ.ย. คาดมีผล ก.ค.ไฟเขียวก่อหนี้ผูกพัน 1.49 แสนล้าน จ่ายเอกชน 10 ปี ตั้งบอร์ดบริหารสัญญามอบ สกพอ.ดูแล อัยการวางกรอบป้องกันค่าโง่ ด้าน"ศาลปกครอง"สั่งยกคำขอทุเลา ปม "ซีพี" ร้อง ทร.ไม่รับซองประมูล
  • "กรุงไทย" จ่อปิด-ควบรวม 50 สาขาในปีนี้ ตั้งเป้าสิ้นปีเหลือสาขารวม 1,100 แห่ง เหตุลูกค้าหันใช้โมบายแบงกิ้งแทน ขณะ คุณภาพหนี้เอสเอ็มอีด้อยลงต่อเนื่อง สั่งติดตามใกล้ชิด
  • ครม.เห็นชอบปรับปฏิทินงบประมาณรายจ่ายปี 2563 แจงเพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน หลังล่าช้ากว่าแผน 3 เดือน ด้าน "ขุนคลัง" ประเมิน เริ่มใช้ได้วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า เหตุต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาก่อน ยันระหว่างนี้ไร้ปัญหา ให้ส่วนราชการใช้งบประมาณปี 2562 ไปพรางก่อน
  • ดัชนีเชื่อมั่น-MPI เม.ย.ต่ำสุดรอบ 11 เดือน หอการค้าชี้ปัจจัยลบรุมเร้าทั้งปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ-สงครามการค้า ด้าน "สศอ." ชี้เทรดวอร์กระทบการส่งออก พร้อมถอยทัพปรับตัวเอ็มพีไอ ทั้งปี เหลือ 1.5-2.5%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BROOK-W5 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK)) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มีจำนวน 1,409,401,156 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 0.25 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายที่ 20 พ.ค.65
  • SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท ได้งานเข้ามาตุนในมืออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้งานคอนโดเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ารวม 262 ลบ. หนุน Backlog เร่งขึ้นเป็น 2.1 พันลบ. และวานนี้ครม.เห็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินกับกลุ่ม CP คาดเซ็นสัญญาเดือนหน้า มูลค่างานเสาเข็มในโครงการนี้ประมาณ 1 หมื่นลบ. เป็นโอกาสของ SEAFCO
  • EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 63 บาท โดดเด่นในทุกธุรกิจ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมคาดกำไรสุทธิทำ New high ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานกำลังการผลิตรวม 260MW ซึ่งเริ่ม COD ตั้งแต่ Q1/62 แต่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ Q2/62 2) ธุรกิจไบโอดีเซลได้อานิสงส์ภาครัฐส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 จากเดิม B7 และ 3) ธุรกิจแบตเตอร์รี่และรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดได้ Sentiment บวกจากข่าว BOI ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
  • TACC (หยวนต้า)"เก็งกำไร"เป้า 5.75 บาท คงมุมมองบวกหลังเข้าประชุมกับผู้บริหารวานนี้ พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2562 ขึ้นจากเดิม 12% เป็น 140 ลบ. เติบโตถึง +53% YoY หลังแนวโน้มรายได้ดีกว่าคาดการณ์เดิม ทั้งรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์ของ SAN-X และการขยายสาขาของ All Cafe ช่วยหนุนการเติบโต ขณะที่แนวโน้มกำไร Q2/62 คาดเติบโตเกือบเท่าตัว YoY ลุ้นทำระดับสูงสุดใหม่ เบื้องต้นคาดที่ 35-40 ลบ. มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้อีกใน 2 ไตรมาสที่เหลือของปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ