นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวน์ระยะสั้น และแกว่งตัว sideway จากแรงซื้อนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องจากวานนี้ 1.2 พันล้านบาท ต่อเนื่องจาก 28 พ.ค.ซื้อ 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังกดดันอยู่ และติดตามการจัดตั้งรัฐบาล ให้แนวรับไว้ที่ 1,610 จุด แนวต้านให้ไว้ที่ 1,625 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)มองว่า ตลาดวันนี้แกว่งตัว sideway และมีโอกาสรีบาวด์ได้ในระยะสั้น จากที่นักลงทุนต่างประเทศเข่าซื้อต่อเนื่อง โดยวานนี้ (29 พ.ค.)ซื้อ 1.2 พันล้านบาท จากวันที่ 28 พ.ค.ซื้อ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่สถาบันขายออก 4.6 พันล้านบาทวานนี้ และ 7.5 พันล้านบาทเมื่อ 28 พ.ค. แต่ก็ยังไม่มีปัจจัยบวกที่ดัชนีจะกลับมาบวกได้แรงๆ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศเรื่องการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็ยังกดดันตลาดอยู่จากกระแสข่าวว่าจีนจะไม่ส่งออกแร่หายากให้สหรัฐ ซึ่งก็ต้องดูว่าสหรัฐจะตอบโต้อย่างไร ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจน
ให้แนวรับไว้ที่ 1,610 จุด แนวต้านให้ไว้ที่ 1,625 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,126.41 จุด ร่วงลง 221.36 จุด (-0.87%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,783.02 จุด ลดลง 19.37 จุด (-0.69%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,547.31 จุด ลดลง 60.04 จุด (-0.79%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 121.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.69 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 12.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ค.62) 1,619.36 จุด ลดลง 12.68 จุด (-0.78%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,252.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 พ.ค.62) ปิดที่ 58.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ค.62) ที่ 2.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.79/81 คาดแกว่งแคบ จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐคืนนี้ มองกรอบ 31.75-31.95
- "ไอเอ็มดี"จัดอันดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทย พุ่งดีสุดรอบ 15 ปี แตะอันดับ 25 ของโลก ชี้เอฟดีไอ-โครงสร้างพื้นฐานหนุน "สมคิด" ซัดการเมืองถ่วง นัดถกสศช.วันนี้ เร่ง ขยับอันดับมั่นใจ 5-10 ปี แซงมาเลเซีย ขึ้นเบอร์ 2 อาเซียน "หอการค้า"จี้เพิ่มลงทุนเทคโนฯ-นวัตกรรม
- พปชร.เขย่าโควตารัฐมนตรีใหม่ มอบหัวหน้าพรรคชี้ขาดเปิดดีลพรรคร่วม "ประวิตร"ถอยจัดโผ ด้าน"อุตตม"ปัดเงื่อนไขบีบพรรคร่วมโหวตนายกฯก่อนแบ่งเก้าอี้ เตรียมยกขันหมากทาบชาติไทยพัฒนาวันนี้ ขณะที่ "ชวน" อาสาเป็นกาวใจประสานรอยร้าว ปชป.-หาทางออก"อภิสิทธิ์"โหวตนายก
- วงการตลาดทุนฟันธงหากรัฐบาลชุดใหม่เสถียรภาพปึ๊กหนุน ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย "วรวรรณ" มั่นใจหากคะแนนเกิน 275 เสียง เงินนอกทะลัก ด้าน กบข.ชี้ต่างชาติยังมองไทยเป็น"เซฟเฮฟเว่น"ขณะ "มนตรี" ลั่นพรรคไหนมาไม่สำคัญ ขอแค่มีรัฐบาลหนุนดัชนีหุ้นฉลุย
- ธปท.แจงไทยไม่ติดบัญชีดำ 9 ประเทศคู่ค้าสหรัฐ เมินทบทวนมาตรการ LTV ชี้ช่วยลดฟองสบู่ ขณะที่คลังรอรัฐบาลใหม่เคาะมาตรการดัน ศก.เพิ่ม ชี้งบ 63 ดีเลย์ไม่ฉุดจีดีพี
- AOT (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 70 บาท เก็งกำไรก่อนที่พรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยผลการประมูลพื้นที่ดีวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเหลือผู้เข้าประมูล 3 ราย (กลุ่มคิงพาวเวอร์, กลุ่ม BA และ กลุ่มโรงแรมรอยัลออคิด เชอร์ราตัน) ซึ่งการประมูลครั้งนี้จะเป็น Upside ให้กับ AOT หากราคาประมูลสูงกว่าที่ตลาดมีการคาดการณ์กันไว้
- BJC (ฟินันเซียไซรัส) "ซื้อ"เป้า 58 บาท ช่วงที่เหลือของปียังลำบาก BigC เผชิญการแข่งขันสูงขึ้น ล่าสุด SSSG ใน 2 ไตรมาสแรกของปีทำได้เพียงทรงตัว Y-Y การเร่งเปิดสาขาทั้งในไทย(7)และกัมพูชา(1) ทำให้รายจ่ายสูงขึ้น และ BJC จะมีสำรองประโยชน์พนักงาน 300 ลบ.ส่วนธุรกิจกระป๋องที่ลูกค้ารายเดิมชะลอสั่งซื้อ อาจหาลูกค้ารายใหม่ทดแทนไม่ได้ทั้งหมด แต่ถึงหาได้อาจมีมาร์จิ้นต่ำกว่า ปรับกำไรปีนี้ลง 6% เป็น 6.87 พันลบ. +6.7% Y-Y (เดิมคาด +13.5% Y-Y) ลดเป้าลงเป็น 58 บาทจาก 66 บาท คงคำแนะนำซื้อ เพราะ upside มากกว่า 20%
- AH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร" เป้า 27 บาท ผู้บริหารประเมินแนวโน้มในช่วงที่เหลือปีนี้จะดีขึ้น โดยผลประกอบการ SGAH แนวโน้มขาดทุนน้อยลงและคาดถึงจุดคุ้มทุนในครึ่งปีหลัง ส่วนการลงทุนร่วมกับ Vinfast ของเวียดนาม AH จะรับรู้รายได้จากการขาย Jig&Die 1.8 พันล้านบาทช่วงที่เหลือของปีมากขึ้นช่วยหนุนผลประกอบการ แต่ทั้งปี 62 ประเมินกำไร 839 ล้านบาท ลดลง 35% แม้กำไรจะลดลงแต่ราคาหุ้นซื้อขาย P/E ต่ำและปันผลดี