ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,620.22 จุด ลดลง 1.35 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 57,812.07 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,627.33 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,612.17 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 588 หลักทรัพย์ ลดลง 717 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 458 หลักทรัพย์
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้จะติดลบเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบกว่า 200 จุดในช่วงบ่ายนี้ จากความกังวลสงครามการค้าหลังจากที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก 5% เริ่ม 10 มิ.ย.นี้ ส่วนทางเอเชียก็ได้ปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 3 เดือน และ 10 ปี อยู่ในระดับที่ใกล้กันแล้ว ทำให้คลายความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ตลาดฯมีปัจจัยกดดันจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนพ.ค. อยู่ที่ระดับ 49.4 ลดลงจากระดับ 50.1 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจชะลอตัว ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอจึงเพิ่มขึ้น ดังนั้นตลาดฯจึงอยู่ในโหมดของการะมัดระวังการลงทุน อีกทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ยังเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงด้วย
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลง โดยมองดัชนีฯหากต่ำกว่าระดับ 1,600 จุด ถือเป็นจุดน่าซื้อ โดยแนวรับ 1,590-1,607 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,623-1,630 จุด พร้อมให้ติดตามตัวเลขเฟ้อของไทยที่กระทรวงพาณิชย์จะประกาศในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ และให้ติดตามปัจจัยการเมืองต่อไป ในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 9,810.17 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 2.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,787.19 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,778.76 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,772.80 ล้านบาท ปิดที่ 79.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
CPN มูลค่าการซื้อขาย 1,763.40 ล้านบาท ปิดที่ 71.25 บาท ลดลง 1.75 บาท