บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้ม SET มิ.ย.รับแรงกดดันสงครามการค้าสหรัฐ-จีนทวีความร้อนแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 5, 2019 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คิงส์ฟอร์ด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย.62 คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,580-1,600 จุด แนวต้าน 1,660 จุด เนื่องจากถูกกดดันจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่กลับมาขึ้นภาษีต่อกัน ขณะที่สหรัฐเตรียมกดดันจีนเพิ่ม โดยจะแบนสินค้าเทคโนโลยีจีน เช่น หัวเว่ย ช่วงกลางเดือน ส.ค.นี้ ดังนั้นจึงต้องจับตาการประชุม G-20 ปลายเดือน มิ.ย.นี้ว่าจะมีการหารือยุติข้อพิพาทการค้าหรือไม่

ปัจจัยในประเทศ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไทยไตรมาส 1/62 ขยายตัวที่ระดับ 2.80% ส่งออกครึ่งปีแรกมีแนวโน้มติดลบ ส่งผลให้ทั้งปี GDP ไทยอาจขยายตัวต่ำกว่า 3.5% รวมทั้งปัจจัยทางการเมือง ยังคาดหวังจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำให้ซื้อหุ้น BBL, CK, STEC, UNIQ, AMATA, WHA ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนหากได้รัฐบาลใหม่ และ CPALL, CPF, ADVANC, BGRIM ซึ่งเป็น Domestic Play และ Defensive Stock เพื่อลดความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในเดือน มิ.ย.นี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร "Accumulative Buy" หุ้นเด่นคือ BAY, TCAP เนื่องจากยอดสินเชื่อเดือน เม.ย.62 ขยายตัวได้ช้า +0.22% จากเดือนก่อน และหดตัว -0.05% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันแนวโน้มชะลอตัว ลงเทียบกับปีก่อนโดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ เช่น BBL ส่วนธนาคารที่มีสินเชื่อขยายตัวมากสุด ได้แก่ BAY, TCAP มีสินเชื่อขยายตัว +0.80%จากเดือนก่อน, +0.53% จากเดือนก่อน ตามลำดับ และ คาดกำไรไตรมาส 2/62 ของกลุ่มธนาคารจะอ่อนตัวลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนกลุ่มพลังงาน ให้น้ำหนักลงทุนเป็น"Neutral" Top pick คือหุ้น PTT, BANPU เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามแรงกดดันราคาน้ำมันมาจากการผลิตของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ดังนั้น คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" ประเมิน Upside จากราคาน้ำมันดิบค่อนข้างจำกัดติดตามการประชุมโอเปกเดือน มิ.ย. กลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก อาจกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ