ผ่ากลยุทธ์ ซีอีโอ ROBINS จัดทัพ "Big Data" รับมือเศรษฐกิจเสี่ยงชะลอ-อีคอมเมิร์ซต่างชาติบุกหนักไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 4, 2019 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บนโลกธุรกิจยุคดิจิทัล "Big Data" ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอย่างมาก เพราะสามารถนำมาวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มผู้โภคได้ตรงกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านต่างๆให้กับผู้ประกอบการหลากหลายอุตสาหกรรม

มุมมองของ นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โรบินสัน (ROBINS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ธุรกิจค้าปลีกในไทย"Big Data"นับเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วย ROBINS ปลดล็อกการเติบโตกิจการในระยะยาว ภายใต้ความท้าทายการเข้ามาของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ชที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่จากต่างชาติ และรับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณชะลอตัว โดยมองว่าโมเดลธุรกิจของ ROBINS ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งรองรับความเสี่ยงได้รอบด้าน ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนระยะยาว

"ในระยะยาวมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าลงทุน แต่ระยะสั้นต้องปรับกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันบริษัทได้รวบรวม Big Data ซึ่งเป็นฐานข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าทั้งหมดตั้งแต่ในอดีตย้อนหลังไปหลาย 10 ปี มาต่อยอดกับแพลตฟอร์มต่างๆของโรบินสันมากขึ้น ดึงทีมผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเรื่องนี้โดยตรง ช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าไปตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ที่ผ่านมาอาจไม่ได้เข้าไปโฟกัสอย่างเต็มที่ เพราะช่วงที่เศรษฐกิจดี ยอดขายเติบโตได้ตามปกติ แต่วันนี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว โรบินสันจึงใช้ Big Data มาใช้ประโยชน์ ซึ่ง Big Data ของโรบินสันมีฐานข้อมูลที่กว้าง เพราะมีลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันโรบินสันถือว่าอยู่ในจุดที่ได้เปรียบหากเทียบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันที่มีฐานข้อมูลของลูกค้าที่น้อยกว่า ในทุกวันนี้มีแผนพัฒนาการนำ Big Data มาใช้ประโยชน์มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับโรบินสันได้อีกมหาศาลในอนาคต"

นายวุฒิเกียรติ กล่าวว่า การมี Big Data จะเป็นส่วนช่วยโรบินสันสามารถแข่งขันได้ดีกับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ชที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่จากต่างชาติเข้ามาขยายตลาดในไทย เพราะสามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ส่วนเรื่องการให้บริการโรบินสันมีแผนปรับปรุงสาขาต่อเนื่องปีละ 3-4 แห่ง ดูแลคุณภาพสินค้าและแบรนด์ เช่นเดียวกับด้านบุคลากร ปรับปรุงระบบการทำงานด้านบริการของพนักงานให้ตอบโจทย์ลูกค้า

"มองว่า Disruption คือการที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป ดังนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวได้รวดเร็วและยอมรับกับเทคโนโลยีเชื่อว่าจะอยู่รอด ผู้ประกอบการรายใดที่มองว่า Disruption เป็นความเสี่ยง แต่กลับไม่ได้จัดการ วันหนึ่งธุรกิจก็ต้องเดินถอยหลัง ในธุรกิจค้าปลีกผมคงไปหยุดอารีบาบาไม่ได้ ซึ่งรวมถึงผู้เล่นรายอื่นที่เข้ามา สิ่งที่ต้องทำคือกำหนดกลยุทธ์อย่างไรให้ลูกค้าที่อยู่ในมือเราซื้อสินค้าเราเช่นเดิม วันนี้โรบินสันเองต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวนรถ ปัจจุบันโรบินสันยังถือว่าอยู่ใน Position ที่ดีถ้าเทียบกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นในไทย"

*ยกระดับโรบินสันก้าวสู่ Omni-Channel Department Store

ปัจจุบันเห็นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น แต่ถือเป็นสัดส่วนน้อยคิดเป็น 3% เท่านั้นเทียบกับมูลค่าธุรกิจค้าปลีกในประเทศ แต่บริษัทได้พัฒนาแนวทางการเชื่อมโยงระหว่าง Offline กับ Online Store เข้าด้วย โดยมีเป้าหมายยกระดับโรบินสันจาก "Department Store" ก้าวสู่ Omni-Channel Department Store เป็นแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ แม้ว่าจะมาพัฒนาช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่โรบินสันยังขยายสาขาต่อเนื่อง ไม่ได้มีนโยบายลดการขยายสาขา

"ผมมองออนไลน์เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยต่อยอดในธุรกิจของ Department Store ซึ่งผู้บริโภคในไทยไม่เหมือนกับผู้บริโภคในสหรัฐฯและจีน หรืออีกหลายประเทศที่ซื้อสินค้าทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ผู้บริโภคคนไทยยังมีการเดินทางมาใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าอยู่เป็นจำนวนมาก ทำเลของโรบินสันมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาช่วยขยายช่องทางการขายของ Store มองเป็นทางออกที่ดีและเชื่อว่าเป็น Winning Format สำหรับโรบินสัน"

การให้บริการรูปแบบของ Omni-Channel Department Store นายวุฒิเกียรติ ยกตัวอย่างว่า เป็นลักษณะให้สาขาที่มีพื้นที่ขนาดเล็กสามารถขายสินค้าได้เท่ากับสาขาที่มีขนาดใหญ่ได้ เช่น โรบินสันสาขาเซ็นทรัลพระราม 9 พื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร มีสินค้าประมาณ 300,000 SKU มีจำนวนสินค้ามากกว่าบางสาขาในต่างจังหวัด ลูกค้าในต่างจังหวัดก็สามารถซื้อสินค้าของโรบินสันได้ทั้งหมด ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แม้การบริการจะไม่เทียบเท่า ลูกค้าอาจต้องรอสินค้าบ้าง แต่เชื่อว่าลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดน่าจะพึงพอใจ และที่สำคัญคือมีบริการเปลี่ยนสินค้าได้เหมือนกับซื้อสินค้าในสาขา ,มารับสินค้า ,ฝากสินค้า เป็นต้น ซึ่งรูปแบบนี้ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไม่สามารถทำด้

*ลุ้นยอดขายปีนี้โตใกล้เคียง GDP จับตาสงครามการค้ากระทบจีน,เน้นเพิ่มมาร์จิ้น-คุมต้นทุน-ขยายเฮ้าส์แบรนด์

สำหรับทิศทางผลประกอบการปีนี้ นายวุฒิเกียรติ ยังเชื่อมั่นว่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว คาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตใกล้เคียงกับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีความคาดหวังว่าผลประกอบการจะเติบโตได้มากกว่าที่รายงานออกไป แต่ยอมรับว่าได้ผลกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังไม่ได้ฟื้นตัว ประกอบกับมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้า ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยสร้างรายได้หลักให้ประเทศหดตัว

"เราคาดหวังว่าผลประกอบการจะเติบโตได้มากกว่านี้ แต่วันนี้ก็ยังถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง โรบินสันยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง หากเทียบกับหลายๆธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมค้าปลีกด้วยกัน เพราะมีโมเดลธุรกิจที่ค่อนข้างแข็งแรง ที่ผ่านมายอด Traffic ของธุรกิจ Shopping Mall ยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก"

โรบินสันให้ความสำคัญการเพิ่มศักยภาพทำกำไรมาตลอด มีแนวทางเบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุน ในปีนี้โรบินสัน อาจจะพิจารณาลงทุนโซลาร์รูฟท็อปครั้งใหญ่ เพราะมองว่าในระยะยาวช่วยลดต้นทุนระยะยาวได้ชัดเจน ประกอบกับวันนี้ราคาโซลาร์รูฟท็อป ปรับลดลงมาพอสมควรหากเทียบกับในอดีต นอกจากนี้ มีแนวทางขยายสินค้า "เฮ้าส์แบรนด์" ที่มีมาร์จิ้นสูง ในปีที่แล้วมีสัดส่วนกว่า 11% ของสินค้าขายทั้งหมด ซึ่งสินค้าประเภทนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

*ทุ่ม 1.5 พันล้านบาทเปิดศูนย์การค้าโรบินสันแห่งใหม่ปลายปีนี้

ปัจจุบันโรบินสันมีทั้งธุรกิจเป็นศูนย์การค้า 22 แห่งมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ ถ้านับรวมกับ Department Store ทั้งหมดจะมีจำนวน 49 แห่ง มองว่ามีโอกาสขยายสาขาได้อีกหลายทำเลทั่วประเทศ โดยปีนี้มีแผนเปิดบริการ 2 สาขา ที่ผ่านมาได้นำร่องเปิดบริการ Department Store ไปแล้ว 1 แห่งในจังหวัดพะเยา ส่วนในเดือน ธ.ค.นี้จะเปิดบริการศูนย์การค้าเพิ่มอีก 1 แห่งพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตรในทำเลแถวอ่อนนุช ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เพราะโดยปกติมีผู้เช่ารายใหญ่คิดเป็นกว่า 20% ของพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าทั้งหมด ที่เหลือเป็นผู้เช่ารายย่อย

ส่วนแผนขยายสาขาในต่างประเทศนั้น นายวุฒิเกียรติ ยอมรับว่า ปัจจุบันโรบินสันมี 2 สาขาในเวียดนาม แต่ถือว่าอยู่ในขั้นทดลองและเรียนรู้ เชื่อว่าคงใช้เวลาอีก 2 ปี ส่วนประเทศอื่นๆก็ยังมีแนวทางขยายสาขาตลอดเวลา แต่ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสว่าเหมาะสมคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันโรบินสัน ยังเห็นโอกาสเติบโตในไทยมากกว่า คิดว่าต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นวันนี้จึงมุ่งเน้นขยายกิจการภายในประเทศก่อน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งโอกาสขยายกิจการในต่างประเทศ

https://youtu.be/JgtGdaQosFg


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ