KBANK ออกกองทุนเปิดเน้นลงทุน 4 Megatrends เสนอขายครั้งแรก 9-19 ก.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 5, 2019 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรการฟื้นตัว (Late cycle) ซึ่งจะเห็นได้จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้า และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และส่งผลต่อผลตอบแทนที่มีแนวโน้มลดลงของลูกค้า ซึ่งการรับมือในการช่วยดูแลพอร์ตการลงทุนและให้คำแนะนำกับลูกค้า Private Banking ของธนาคารในช่วงนี้นั้นในภาพของความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกยังสร้างความผันผวนให้กับภาวะของเศรษฐกิจโลก และการตัดสินใจลงทุนของลูกค้า การดูแลและให้คำแนะนำกลุ่มลูกค้า Private Banking ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ไนช่วง Late cycle นั้นจะเน้นการรักษาและสร้างความมั่งคั่งมากกว่าการทำให้ลูกค้ารวยมากขึ้น เพราะในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่เป็น Late cycle จะต้องหาโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละกลุ่มที่มีความเหมาะสม และสามารถกลับมาเป็นผู้ชนะตลาดได้ ประกอบกับการกระจายการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะนั้นๆ ซึ่งเป็นการลงทุนประเภทธีมที่สอดคล้องไปกับกระแสของโลกที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ หรือเรียกว่าธีมแบบ Megatrends ที่มีการกระจายลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลากหลายด้าน โดยที่ธนาคารได้เสนอกองทุนเปิดเค โกลบอล ไฮ อิแพ็ค ธีมาติก หุ้นทุน (K-HIT) ที่เน้นการลงทุนใน 4 Megatrends ที่กองทุนให้ความสำคัญ ได้แก่ การขยายตัวของความเป็นเมือง นวัตกรรมกรรมและเทคโนโลยี ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และการเปลี่ยนแปลงโครงการสร้างประชากรและสังคม ที่มีการกระจายการลงทุนแบบ Thematic Investing เพื่อกระจายการลงทุนในหลากหลายธีม และมีการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้คัดสรรไว้ 15-25 ตัว และเป็นการลงทุนผ่านกองหลัก Allianz Global Investors Fund - Allianz Thematica Share Class P (EUR) ซึ่งมีผลตอบแทนที่เติบโตและมีความมั่นคงต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารมองว่าลูกค้าอาจจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดังกล่าวราว 5-6% เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน โดยกองทุนเปิด K-HIT มีขนาดกองทุน 2.2 พันล้านบาท และสามารถขยายเพิ่มเป็น 2.5 พันล้านบาทได้ ในกรณีที่ลูกค้ามีความต้องการจองซื้อมาก โดยจะเสนอขายครั้งแรกในช่วงวันที่ 9-19 ก.ค. 62 นอกจากนี้ธนาคารมองว่าการลงทุนของลูกค้าในปัจจุบันจะต้องมีการขยายการลงทุนไปเป็นการลงทุนในสินทรัพย์จริงๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเองเพิ่มเข้ามา เพื่อต่อยอดการลงทุนของกลุ่มลูกค้า Private Banking ที่มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งธนาคารได้เตรียมที่จะออกกองทุนที่เข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเอง เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายพอร์ตการลงทุนให้กับลูกค้า ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะเน้นไปอสังหาริมารัพย์ประเภทอาคารสำนักงานที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาต่อเนื่อง โดยจะออกกองทุนดังกล่าวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ด้านสัดส่วนการลงทุนสำหรับลูกค้า Private Banking ของธนาคารในภาวะที่ปัจจัยภายนอกยังสร้างความผันและความไม่แน่นอนนั้นจะแนะนำให้ลงทุนในกองทุนหลัก 50% ผสมกับการลงทุนในหุ้น 20% ซึ่งเน้นไปที่การลงทุนหุ้นในสหรัฐฯเป็นหลัก เพราะเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากความไม่แน่นอนและความผันผวนที่เกิดขึ้น ประกอบการลงทุนในตราสารหนี้สัดส่วน 20% และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และอสังหาริทรัพย์ สัดส่วน 10% แต่หากมีความชัดเจนของการลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯและการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ข้อยุติและไม่มีการยืดเยื้อ จะให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นเพิ่มมากขึ้น และสามารถกระจายการลงทุนมาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ จีน และญี่ปุ่น พร้อมลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ