นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ว่า อยู่ระหว่างรอกระบวนสุดท้ายในการขอความเห็นจากกรมเจ้าท่า ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการ ซึ่งคาดว่าน่าจะเรียบร้อยภายในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ และหากไม่มีปัญหาติดขัด จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป และเซ็นสัญญากับภาคเอกชนเป็นลำดับถัดไป
"ตอนนี้โครงการลงทุนท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ก็พร้อมที่จะลงทุนแล้ว รอเพียงความเห็นกรมเจ้าท่า และเตรียมเสนอครม. แต่ก็ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่จัดตั้ง ซึ่งก็ยังคงต้องใช้เวลา ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จและมีการประชุมครม. ก็จะนำโครงการนี้เข้าครม.พิจารณา และถ้าผ่านแล้วก็เตรียมเซ็นสัญญาลงทุนได้ทันที ยังมั่นใจว่าโครงการมาบตาพุด เฟส 3 จะไม่ delay"นางสาวสมจิณณ์ กล่าว
ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนที่กรมเจ้าท่าซึ่งเป็นหน่วยงานอนุญาตกิจการท่าเรือ จะรับฟังความคิดเห็นเองกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งปกติจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 เดือน แต่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) จะได้เร่งรัดให้เร็วขึ้นคาดว่าจะเป็นภายในเดือน ก.ค. ทั้งนี้ การจัดทำรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวก็จะใช้งบของกนอ. หากกรมเจ้าท่าดำเนินการเสร็จแล้วจะเสนอต่อไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)เพื่อเสนอให้ครม.อนุมัติการลงทุนโครงการนี้ ตามมาตรา 66 ของพ.ร.บ.การนิคมฯ
โดยก่อนหน้านี้ กนอ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเองแล้วจำนวน 3 ครั้ง และได้เสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ทั้งในขั้นตอน สผ. และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กกวล.) เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น นางสาวสมจิณณ์ คาดว่าในเดือน ส.ค.นี้ โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 น่าจะลงนามกับเอกชนผู้ร่วมทุนได้
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีมูลค่าการลงทุนรวม 5.54 หมื่นล้านบาท โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ เป็นผู้ยื่นซองข้อเสนอโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 (ช่วงที่1) เพียงรายเดียวนั้น เป็นความร่วมมือระหว่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) โดยร่วมกันถือหุ้นในสัดส่วน 70% และ 30%ตามลำดับ
โครงการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงที่ 1 เป็นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ประกอบด้วย การขุดลอกร่องน้ำ และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ท่าเทียบเรือบริการ และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 68