"ฮาบิแทท กรุ๊ป" ชะลอแผนเข้าตลาดฯ หลังภาวะผันผวน เน้นหาพันธมิตรร่วมทุนแทน ยันไม่กระทบเงินทุนพัฒนาโครงการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2019 14:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจที่จะชะลอแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกไปก่อน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยจะหันไปเน้นการหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนพัฒนาโครงการแทน อีกทั้งบริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินได้อีก

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมทุนกับลิสต์ กรุ๊ป พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ บนทำเลศักยภาพย่านทองหล่อจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการวาลเด้น ทองหล่อ 8 และโครงการวาลเด้น ทองหล่อ 13 มูลค่าโครงการรวม 2.8 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการวาลเด้น ทองหล่อ 8 และบริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ 2 จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการวาลเด้น ทองหล่อ 13 โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น ฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 62% และลิสต์ กรุ๊ป ถือหุ้น 38%

สำหรับโครงการวาลเด้น ทองหล่อ 8 เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 117 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 ห่างจากถนนเส้นหลักเพียง 100 เมตร มีขนาดห้องตั้งแต่ 32.5-71 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 235,000-260,000 บาท/ตารางเมตร โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/62 และโครงการวาลเด้น ทองหล่อ 13 เป็นคอนโดมิเนียม ลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 122 ยูนิต มีขนาดห้องตั้งแต่ 35-60 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 185,000-220,000 บาท/ตารางเมตร โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/62

ทั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญเพื่อให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตของธุรกิจของ ฮาบิแทท กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นการขยายธุรกิจต่อยอดความสำเร็จจากการไปเปิดตลาดจีน และฮ่องกงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทสามารถใช้โอกาสจากเครือข่ายสำนักงานที่กระจายอยู่ในหลายประเทศรวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในประเทศญี่ปุ่นของ ลิสต์ กรุ๊ป ในการส่งเสริมการเติบโตและต่อยอดการขยายตลาดลูกค้าต่างประเทศของฮาบิแทท กรุ๊ป

นายชนินทร์ กล่าวถึงมุมมองอสังหาริมทรัพย์ไทยในภาพรวมว่า ยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะในการซื้อเพื่อลงทุนไนระยะกลาง-ยาว แม้ว่าในปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ในแง่ของการลงทุนระยะกลาง-ยาวนั้นนักลงทุนยังได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาขาย (Capital Gain) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการในกรุงเทพฯ ซึ่งถือว่ามีราคาขายที่โครงการในกลุ่มลักชัวรี่ที่ถูกกว่าหัวเมืองใหญ่ในประเทศอื่นๆ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และจีน โดยเฉพาะในฮ่องกงที่มีราคาขายโครงการลักชัวรี่สูงถึง 1 ล้านบาท/ตารางเมตร แต่ในกรุงเทพราคาขายอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร ทำให้มีส่วนต่างจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาในอนาคต ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าของอสังหาริทรัพย์ไนกรุงเทพฯมีผลตอบแทนอยู่ที่ 4-5% ต่อปี สูงกว่าหัวเมืองใหญ่ที่ 2-3% ต่อปี ทำให้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไนกรุงเทพฯยังมีความน่าสนใจอยู่

ด้านแนวโน้มยอดขายในปีนี้บริษัทมั่นใจทำได้ตามเป้า 3 พันล้านบาท โดยในช่วงปลายเดือน ก.ย. และเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้จะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในทองหล่อ 2 โครงการพร้อมกัน ซึ่งตั้งเป้าทำยอดขายได้ 75% ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนยอดขายในช่วงไตรมาสสุดทิยของปีนี้ ส่วนยอดยังมั่นใจทำได้ตามเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ราว 4 พันล้านบาท จะทยอยโอนไปจนถึงปี 64 ด้านแหล่งเงินทุนของบริษัทที่ใช้รองรับการลงทุนในปัจจุบันมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่เป็นโปรเจคไฟแนนซ์

อีกทั้งการลงทุนในอนาคตอาจจะมีการร่วมทุนกับพันธมิตรอื่นๆที่มีความสนใจร่วมลงทุนในโครงการของบริษัท ซึ่งจะเป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดในการลงทุน การพัฒนาโครงการคล้ายกับบริษัท และเครือข่ายที่ช่วยบริษัทขยายฐานลูกค้า ช่วยในงานขาย และการตลาดได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ