บลจ.บีแคป คงน้ำหนัก Underwieght หุ้นไทย สวนทางสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกมีลุ้นน่าสนใจจากคาดเฟดลดดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2019 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บางกอกแคปปิตอล (BCAP) เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมองว่ามีอัพไซด์จำกัด และยังคงน้ำหนัก Underwieght เนื่องจากคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้จะเติบโตไม่ถึง 5% ตามภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว ประกอบกับปัจจัยเรื่องเงินบาทแข็งค่า กระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ดังนั้น ต้องติตตามว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยอย่างไรในช่วงที่เหลือของปีนี้

ด้านมุมมองต่อเรื่องการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่าไม่น่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยก็ตาม เพราะยังคงต้องระมัดระวังเรื่องการเร่งตัวของหนี้ภาคครัวเรือน ที่อาจเป็นปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจในอนาคต ขณะเดียวกันมองว่าผลจากเงินต่างชาติไหลเข้ามาในสินทรัพย์ไทย ทำให้เงินบาทแข็งค่ารวดเร็วนั้นเป็นแค่ภาวะชั่วคราวเท่านั้น เพราะปัจจุบันฐานะเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ จึงเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น นอกจากนี้ หากตลาดหุ้นจีนถูกปรับเพิ่มน้ำหนักใน MSCI INDEX ในช่วงปลายปี ก็ทำให้มีโอกาสเห็นการไหลออกของเงินต่างชาติจากตลาดหุ้นไทยไปตลาดหุ้นจีนได้เช่นกัน

ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำผู้ลงทุนควรกระจายความเสี่ยงเป็นหลัก โดยเน้นลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงจำกัด

นายธนาวุฒิ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการลงทุนในตลาดโลกครึ่งหลังปีนี้ การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นทั่วโลก ล่าสุดกองทุนได้ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นโลกเป็น Neutral จากเดิม Underwieght เพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มีโอกาสเข้าสู่ช่วงของการปรับลดลง โดยคาดว่าผลการประชุมเฟดในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ มีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% และจะยังต่อเนื่องไปอีก 1 ปีข้างหน้าคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 3-4 ครั้ง ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ในระยะอันใกล้ หลังเป็นขาขึ้นมาตลอด 10 ปี แต่ในมุมมองยังเชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อย หรืออาจจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วตามที่มีความกังวล เพราะตามสถิติก่อนเกิด Recession ธนาคารกลางทั่วโลกจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ตามทิศทางเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่ในรอบนี้ธนาคารกลางทั่วโลกยังมีเครื่องมือเพียงพอต่อการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันเชื่อว่าปัญหาสงครามการค้าน่าจะเริ่มผ่อนคลายตามลำดับ แม้ในระยะสั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบกับเศรษฐกิจโลกให้เกิดภาวะชะลอตัวก็ตาม

สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคทั่วโลก ยังคงน้ำหนัก Overwieght ตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะเติบโตราว 15% หรือบางบริษัทมีกำไรเติบโตโดดเด่น และมูลค่าตลาดยังไม่สูงเหมาะสมกับการทยอยเข้าลงทุน ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯให้น้ำหนัก Neutral เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตสูงมากจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ในปีนี้ไม่ได้มีปัจจัยสนับสนุนเช่นเคย จึงมองว่าการเติบโตไม่หวือหวา ส่วนตลาดหุ้นในแถบประเทศเอเชียเหนือ ยังคงน้ำหนัก Underwieght เพราะมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในระยะถัดไป

ด้านนางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ BCAP เปิดเผยว่า ในปี 62 บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) ให้เติบโตแตะ 40,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 61 มี AUM อยู่ที่ 32,500 ล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกกองทุนรวมที่มีการบริหารการลงทุนทั้งในและต่างประเทศภายใต้กลยุทธ์ "Global Asset Allocation" โดยกองทุน BCAP Global Wealth ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุน ซึ่งเป็นซีรีย์ของ 5 กองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน และสินทรัพย์ทางเลือก เน้นลงทุนในดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุน 1 ใน 5 กองทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งจะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์ทางเลือกแตกต่างกันตั้งแต่ 10% ถึง 90% โดยแต่ละกองทุนมีรายละเอียดการลงทุนที่แตกต่างกัน ผ่านกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนทาง BCAP ที่เป็นเอกลักษณ์เพราะมีการบริหารจัดการเอง

https://youtu.be/CNjcYABpVhk


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ