ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยว่ายังคงแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากยังมีความกังวลในเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดข้อตกลงก่อนลงนาม แต่หากการหารือไม่เป็นผลและไม่มีการทำข้อตกลงก่อนถึงกำหนดเวลา ทางสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนตามกำหนดเดิมในวันที่ 15 ธ.ค.62
นอกจากนี้ทาง นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ออกมาสนับสนุนให้เฟดตรึงดอกเบี้ย หลังระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง แม้มีความเสี่ยงในปัจจุบันจากการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวก็ตาม ดังนั้น จึงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,625-1,645 จุด
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ ในวันที่ 17-19 ต.ค.จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ในวันที่ 22 ต.ค. กระทรวงการคลังคลังเตรียมเสนอ"ชิม ชอป ใช้"เฟส 2 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 29-30 ต.ค.เฟดประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งจะทราบผล 31 ต.ค. เวลาในประเทศไทย และในวันที่ 31 ต.ค.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันเดียวกันกำหนดเวลาที่อังกฤษจะออกจากสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (Brexit)
นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยขานรับปัจจัยบวก จากมติคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอนุมัติ 16 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเน้นดึงต่างชาติเข้าไทย และกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" เฟส 2 เข้า ครม.22 ต.ค.นี้
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นหุ้น Defensive Stock (Beta <1 yield >5%) เช่น TISCO, SPF RSP, TWPC, DIF และ GPI รองลงมาหุ้นได้ประโยชน์จากโครงการ "ชิม ช้อป ใช้" เช่น ROBINS, BJC, MAKRO, SPA ERW, TNP และ CPALL รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกันรายได้และมาตรการเสริมพยุงราคายางพารา ได้แก่ NER, STA และ TRUBB