(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นกรอบจำกัดตามตลาดตปท.ขานรับคืบหน้าเจรจาการค้า,ราคาน้ำมันขึ้น-สถาบันในปท.ซื้อหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 5, 2019 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่การดีดตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยอาจจะอยู่ในกรอบที่แคบลงจากเมื่อวานนี้ที่ดีดตัวขึ้นแรงกว่า 29 จุด เพราะเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังมาจากภายในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันภายในประเทศที่ซื้อสุทธิเข้ามามากเมื่อวานนี้ โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากเป็นช่วงใกล้ปลายปี ซึ่งตามสถิติช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามา รวมถึงนักลงทุนสถาบันอาจพิจารณาเข้าซื้อหุ้นรายตัวที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/62 ออกมาตามคาด หรือดีกว่าคาด

ด้านปัจจัยจากต่างประเทศเริ่มคลี่คลาย โดยในส่วนของประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ถูกเลื่อนจากกำหนดเดิมในวันที่ 31 ต.ค.62 ขณะที่ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ส่งสัญญาณว่าอาจลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนที่รัฐไอโอวา กรณีดังกล่าวยังเป็นส่วนที่หนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ผลักดันให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในต่างประเทศดีดตัวขึ้นตาม ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และไฟฟ้า ในตลาดหุ้นไทยให้ปรับขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย

พร้อมให้แนวรับที่ 1,605 และ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,631 และ 1,640 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,462.11 จุด พุ่งขึ้น 114.75 จุด (+0.42%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,078.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.36 จุด (+0.37%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,433.20 จุด เพิ่มขึ้น 46.80 จุด (+0.56%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 268.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 53.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.49 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.77 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 พ.ย.62) 1,622.25 จุด เพิ่มขึ้น 29.73 จุด (+1.87%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 350.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 พ.ย.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 พ.ย.62) ปิดที่ 56.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 พ.ย.) อยู่ที่ 3.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.20/22 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดรอติดตามการประชุมกนง.วันพรุ่งนี้
  • นักวิเคราะห์ประเมินทุนเคลื่อนย้ายจ่อไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มหาก กนง.ลดดอกเบี้ยในการประชุม 6 พ.ย.นี้ ประเมินสิ้นปีมีลุ้นดัชนียืนเหนือ 1,600 จุด ด้านกบข.มั่นใจเศรษฐกิจไทยขยายตัวกระเตื้องขึ้น โดยในไตรมาส 3 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.9% และไตรมาส 4 ที่ 3.1% ขึ้นไป ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
  • ประธาน ส.อ.ท. ระบุการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ จะหารือภาพรวมเศรษฐกิจ ยอมรับห่วงค่าเงินบาทซ้ำเติมส่งออกที่เผชิญสงครามการค้า และยังถูกตัดสิทธิ GSP หวัง กนง. มีมติลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% เพื่อประคองเศรษฐกิจและลดแรงกดดันค่าบาทไม่ให้หลุด 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
  • การประชุมผู้นำอาร์เซ็ปไร้ข้อสรุปทำได้แค่แถลงความสำเร็จแบบ 15+1 หลังอินเดียไม่ร่วมแถลงการณ์แต่ยังร่วมวงเจรจาต่อไป จุรินทร์ ชี้สามารถทำได้เหตุข้อตกลงเปิดช่องให้เจรจาแบบทวิภาคีจับคู่รายประเทศ แต่ต้องให้ได้ ข้อสรุปภายใน 1 ปี โยนเวียดนามรับไม้ต่อเจรจาปีหน้าหวังลงตามแผน
  • รฟท.รวบแพ็กเกจรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง "รังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต ตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช" วงเงินรวมกว่า 2.34 หมื่นล้านบาท รวมงานโยธาและงานระบบไว้ในสัญญาเดียว คาดสรุปทีโออาร์ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ เปิดประมูลต้นปี 63
  • "คลัง"เผยยอดการใช้จ่ายมาตรการ "ชิมช้อปใช้" สะพัดรับเทศกาลหยุดยาวประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ล่าสุดยอดทะลุ 1 หมื่นล้านบาท มั่นใจช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และกระตุ้นเศรษฐกิจได้แท้จริง ด้าน "แบงก์กรุงไทย-ททท." จับมือเตรียมอัดแคมเปญกระหน่ำลดราคา ดึงคนไทยเที่ยวช่วงปลายปีนี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • หุ้น บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ หลังเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 46 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7 บาท

IP ประกอบธุรกิจการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ ขณะที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 7.70 บาท ประเมินรายได้ในปี 62-63 จะยังเติบโตสูงเฉลี่ย 23% ต่อปี จากผลบวกของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น และประเมินกำไรสุทธิปี 62-63 ที่ 46 ล้านบาท และ 66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% และ 45% ตามลำดับ นอกจากนั้น คาดว่า SG&A/Sale จะปรับตัวลดลงเหลือ 38.1% จากปี 62 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 41.3% และปี 61 ที่ 47.3% จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะลดลงมาก โดยจะเน้นทำรูปแบบ online มากขึ้น

  • CPN (เคจีไอฯ) แนะ "Outperform" ให้ราคาเป้าหมาย 78 บาท คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาทใน Q3/62 (+4.6% YoY, +11.0% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากพื้นที่ปล่อยเช่าสุทธิ (NLA) เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเผื่อผลประโยชน์พนักงาน คาดว่ายอดโอนที่อยู่อาศัยจะสูงสุดในรอบปีนี้ใน Q4/62 ราคาหุ้นล่าสุดคิดเป็น PER ปี 63 ที่ไม่แพงแค่ 23.4x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว -1.5 S.D. ดังนั้น จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อสะสมหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งชัดเจน
  • IRPC (คิงส์ฟอร์ด) แนะ"Trading BUY" ราคาเป้าหมาย 4 บาท ผลงาน Q3/62 ต่ำกว่าตลาดคาด ขาดทุนสุทธิ 1,321 ล้านบาท เทียบกับ Q2/62 และ Q3/61 ที่มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท และ 2,560 ล้านบาท ตามลำดับ หลักๆ มาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 1,333 ล้านบาท เทียบกับ Q2/62 ที่กำไร 491 ล้านบาท และมีกำไรจากการขายที่ดินให้กับ WHA 124 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษออกผลการดำเนินงานหลักจะขาดทุน 158 ล้านบาท พร้อมประเมินแนวโน้มผลงาน Q4/62 จะปรับตัวดีขึ้นจาก Q3/62 อย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดผลขาดทุนสต็อกจะลดลง โรงกลั่นไม่มีปิดซ่อมและกลับมาเดินเครื่องราว 2-2.05 แสนบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากมาตรการ IMO2020 ช่วยกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันดีเซล ซึ่งโรงกลั่น IRPC มีสัดส่วนการผลิตดีเซลราว 65% อีกทั้งสามารถผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำ (LSFO) ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ