บลจ.พรินซิเพิล ออกกอง iPROPEN รับมือตลาดหุ้นผันผวนกระจายลงทุนกองอสังหาฯ-โครงสร้างพื้นฐานเสนอขาย 14-22 พ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 11, 2019 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า บลจ.พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุนใหม่ภายใต้ชื่อ‘กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซ์ อินคัม’ หรือ Principal Enhanced Property and Infrastructure Flex Income Fund’ (PRINCIPAL iPROPEN) เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 14-22 พ.ย.62 ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 10 บาท กำหนดวงเงินสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งละ 5,000 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนกองทุน 5,000 ล้านบาท เปิดเสนอขาย 2 ชนิด คือ ชนิดสะสมมูลค่า (Class A) และชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D)

กองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนและสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท ที่แตกต่างจากกองทุน PRINCIPAL iPROP (กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น เพิ่มสัดส่วนการลงทุนกองทรัสต์ฯ ในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและฮ่องกง เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มประเทศเอเชีย แต่สามารถรับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีกว่า และแสวงหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์แบบ Freehold คุณภาพดี พร้อมทั้งขยายขอบเขตการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ อาทิ หุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ

นายวิน กล่าวว่า กองทุน PRINCIPAL iPROPEN เป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในไทยและต่างประเทศ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือกองทรัสต์ และ/หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ตราสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ

ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารทางการเงิน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก ตราสารทีมีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure noted) รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นทั้งใน และ/หรือต่างประเทศ โดยมีความเสี่ยงการลงทุนในระดับ 8 มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนฯ

"จุดเด่นของกองทุน PRINCIPAL iPROPEN จะเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีและมีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก โดยเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน ให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้มากขึ้น และสามารถลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังกระจายความเสี่ยงการลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลายในหลายประเทศ และขยายขอบเขตการลงทุนในสินทรัพย์แบบ Freehold (ลงทุนในกรรมสิทธิ์) ตลอดจนบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญการลงทุนใน REITs ของกลุ่ม Principal โดยกลุ่มสินทรัพย์ที่มองว่าน่าสนใจลงทุน ได้แก่ Office, Retail, Logistics, Data Centers และ Infrastructures" นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวว่า เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ประกอบกับสภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ คณะกรรมการนโยบาการเงิน (กนง.) ทำให้ภาวะอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทีมบริหารจัดการยังคงแนะนำให้กระจายการลงทุนในกองทุนรวมที่เข้าลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งยังคงให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจ

ขณะที่อัตราพื้นที่ว่างของโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนค่าเช่ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต และพฤติกรรมนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภท Yield Play Asset หรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ REITs เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2562 (ที่มา: Bloomberg วันที่ 31 ส.ค. 2562)

ทั้งนี้ ทีมจัดการลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยในกลุ่มออฟฟิศเกรด A ยังคงมีดีมานด์ที่แข็งแกร่ง กลุ่ม Prime industrial (โรงงานอุตสาหกรรมระดับบน) และกลุ่ม Prime retail (ค้าปลีกระดับบน) ยังคงมีอัตราค่าเช่าอยู่ในช่วงการเติบโต

สำหรับประเทศไทย ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกยังคงมีดีมานด์เติบโตในอัตราที่สูงกว่าซัพพลาย โดยมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่ารวมประมาณ 7.72 ล้านตารางเมตร แต่มีอัตราพื้นที่ว่างยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 5.8% (ข้อมูลจาก CBRE ณ 30 มิ.ย.62) ส่วนค่าเช่าออฟฟิศในทุกพื้นที่และทุกระดับยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีพื้นที่ว่างในระดับต่ำ

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์พบว่าออฟฟิศให้เช่าเกรดเอในย่านธุรกิจ มีพื้นที่ว่างลดลงเหลือเพียง 3.5% และอัตราค่าเช่าสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่ตารางฟุตละ 11.45 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน ส่วนประเทศออสเตรเลีย ออฟฟิศให้เช่าในย่านธุรกิจของเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น มีอัตราพื้นที่ว่างอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 3.7% และ 3.3% ตามลำดับ ในประเทศอเมริกาออฟฟิศให้เช่ายังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจจากความต้องการเช่าพื้นที่มีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมในกลุ่มคลังสินค้าเพื่อการขนส่งและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก ก็มีความน่าสนใจเนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศและธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ