นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อนุมัติวงเงินเพิ่มให้ ก.ล.ต. อีก 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่ง ธปท. ได้อนุมัติไว้แล้ว และวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศส่วนที่ต่ำกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (เดิม ธปท. เป็นผู้อนุมัติให้ผู้ลงทุนโดยตรง) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ก.ล.ต.จัดสรรวงเงินการลงทุนในรูปแบบต่างๆ และการโอนเงินออกต่างประเทศ “การผ่อนคลายดังกล่าวจะช่วยในการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างตลาดทุนในภูมิภาคและเป็นช่องให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถพัฒนาแนวทางการทำธุรกิจใหม่ๆ ได้มากขึ้น จึงขอแนะนำให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการวางแผนธุรกิจในอนาคตต่อไป" นายธีระชัย กล่าว ก.ล.ต. ได้จัดสรรวงเงินการลงทุนในรูปแบบต่างๆ และการโอนเงินออกต่างประเทศ แบ่งเป็น กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ, บุคคลทั่วไปที่ไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) หรือลงทุนตรงผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.), บริษัทในต่างประเทศมาจดทะเบียนเพื่อระดมเงินในตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทยในบริษัทต่างประเทศดังกล่าวที่ร้อยละ 25 และการออกตราสารทางการเงินสกุลบาทที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ต่างประเทศ เช่น Transferable Custody Receipt (TCR) พร้อมทั้ง อนุญาตให้บุคคลธรรมดาสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่าน บล. ในฐานะนายหน้าหรือผู้ค้าได้ โดยให้ลงทุนได้เฉพาะหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใน Regulated Exchange หรือ Sovereign Bond เท่านั้น ทั้งนี้ บล. จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ ธปท. เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถดูแลเงินลงทุนให้อยู่ในวงเงินที่ ธปท. อนุมัติ ซึ่ง ก.ล.ต. จะออกหลักเกณฑ์และซักซ้อมความเข้าใจต่อไป