โบรกฯเชียร์"ซื้อ"AOT คาดกำไรงวดปี 62/63 โตตามนักท่องเที่ยวฟื้น-หมดภาระบันทึกค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 25, 2019 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

              เคทีบี (ประเทศไทย)               ซื้อ                     88.00
              เอเซีย พลัส                      ซื้อ                     85.00
              ทิสโก้                           ซื้อ                     80.40
              ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ทยอยซื้อ                   82.00
              ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                 ซื่อ                     90.00

นายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเมินกำไรสุทธิของ AOT งวดปี 62/63 จะเติบโต 11% จากงวดปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเติบโต 4% โดยจะมาจากจำนวนผู้โดยสารต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ธุรกิจการบิน (Non-Aero) ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนักในปีนี้ แต่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญในปี 64 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ งวดปี 63/64 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือจะเติบโตได้ราว 40% เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ รายได้สัญญาใหม่ของร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สุวรรณภูมิเข้ามา โดยประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 24,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดจะรับรู้รายได้ราว 8,000 ล้านบาท ประกอบกับ การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) จะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 63 ทำให้จะสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคน จากปัจจุบันรองรับได้ราว 45 ล้านคน มองว่าเมื่อ capacity ขยายเพิ่มขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อจำนวนผู้โดยสารให้เติบโตมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงในเรื่องที่ AOT อาจต้องแบ่งรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) ไม่เกิน 10% เข้ากองทุนหมุนเวียนของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการกฤษฏีกาตีความ โดยเบื้องต้นประเมินอาจกระทบกับราคาหุ้นไม่เกิน 5 บาท หรือราคาเป้าหมายจะลดลงมาอยู่ที่ 83 บาท/หุ้น จากที่ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 88 บาท/หุ้น

ขณะเดียวกันก็ยังมีความเสี่ยงการเกิดค่าใช้จ่ายพิเศษ ในส่วนของการเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาค ตั้งแต่ปี 60-75 เพิ่มเติม

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ AOT ในไตรมาส 1 งวดปี 62/63 น่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว โดยตัวเลข 2 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.-พ.ย.62) เติบโต 10.7% หรือคิดเป็นจำนวน 14.19 ล้านคน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตทำให้นักท่องเที่ยวชะลอตัวไป และเริ่มกลับมาดีขึ้นในปีนี้ ทำให้ทั้งปีคาดว่ากำไรสุทธิก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน และในงวดปีนี้จะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานตามประกาศฉบับใหม่ของกฎหมายแรงงานรัฐวิสหกิจสัมพันธ์เหมือนปีที่ผ่านมา ที่ได้บันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งสิ้น 730 ล้านบาท

นอกจากนี้ในต้นปี 63 ยังคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องของการเซ็นสัญญาเช่าที่ดินกรมธนารักษ์ จากที่ AOT ได้มีการขอขยายเวลาเช่า จากเดิมสิ้นสุดปี 75 ออกไป 50 ปี และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนการประกาศการเปลี่ยนสีผังเมืองจากสีเขียวเข้มมาเป็นสีน้ำเงิน (พื้นที่โซนราชการ) จากกรมผังเมืองเพื่อให้สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ในกิจการที่เกี่ยวเนื่องได้ในต้นปีหน้าเช่นกัน

ทั้งนี้ หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว มองว่า AOT น่าจะเริ่มผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา โดยโครงการที่มีการเปิดเผยออกมาบ้างแล้ว ได้แก่ ศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) ที่จะตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.การบินไทย (THAI) หรือสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย (TAFA) และร่วมทุนกับสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ พัฒนาศูนย์ฝึกลูกเรือและพัฒนาบุคลากรส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบิน เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อ AOT ในอนาคต

"งวดปี 62/63 คงไม่ได้มีอะไรมาก การเติบโตส่วนใหญ่มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน ก็น่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ในงวดปีหน้า ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ของ ดิวตี้ฟรี สุวรรณภูมิ เพิ่มขึ้น และยังมีแผนการหารายได้จากส่วนอื่น เช่น เมืองการบิน หรือ Airport City ทำให้สัดส่วนรายได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายสยาม กล่าว

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยบวกต่อ AOT คือนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากสัมปทานเพิ่มขึ้นด้วย โดยล่าสุด คณะกรรมการของ AOT ได้อนุมัติให้ King Power ชนะการประมูลดิวตี้ฟรีของสนามบินดอนเมือง โดยได้สัมปทานประมาณ 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65-31 มี.ค.76 และการันตีรายได้ขั้นต่ำที่ 1.5 พันล้านบาท (ไม่รวมจุดรับสินค้า) และจะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่ 20%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ