(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ดีดกลับเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค คลายกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 9, 2020 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะดีดกลับขึ้นไปได้ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน หลังจากคลายความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐแถลงว่าการโจมตีฐานทัพของสหรัฐในอิรักได้รับความเสียหายน้อย และสหรัฐฯจะไม่ใช้กำลังหหารเข้าตอบโต้ แต่จะใช้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแทน ทำให้คิดว่าไม่น่าจะมีสงครามเกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของอิหร่านที่ไม่ต้องการสงคราม แค่ตอบโต้ปฏิบัติการสังหารผู้นำทหารเท่านั้น

ส่วนตลาดบ้านเราได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว แต่มองว่าการดีดกลับอาจไม่แรงเนื่องจากคาดว่าจะได้แรงถ่วงจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงเกือบ 5%

พร้อมให้แนวรับ 1,545-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,745.09 จุด เพิ่มขึ้น 161.41 จุด (+0.56%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,253.05 จุด เพิ่มขึ้น 15.87 จุด (+0.49%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,129.24 จุด เพิ่มขึ้น 60.66 จุด (+0.67%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 325.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 30.89 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 72.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 16.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 279.73 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.75 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.39 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 22.97 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ม.ค.63) 1,559.27 จุด ลดลง 25.96 จุด (-1.64%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,246.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ม.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 59.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 3.09 ดอลลาร์ หรือ 4.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ม.ค.) อยู่ที่ 0.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.29/33 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง ตลาดคลายกังวลกรณีสหรัฐ-อิหร่าน
  • กกร. คาดจีดีพี ปี 63 โต 2.5-3% ส่งออกโต 0- ติดลบ 2% รับปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หวั่นดันราคาน้ำมันพุ่ง เสนอ 4 มาตรการภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจรับมือปัจจัยเสี่ยงภายในและภายนอกประเทศ ทั้งลดค่าไฟฟ้าให้ SMEs-ที่พัก 5% ระยะเวลา 1 ปี เร่งรัดคืนแวต ลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาฯ ลดจ่ายเงินประกันสังคม เร่งขุดบ่อรับมือภัยแล้ง ฯลฯ ด้านตลาดหุ้นไทยร่วง 25.96 จุด หรือ 1.64% "ภากร" ชี้ในวิกฤตมีโอกาส เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ปันผลเด่น เลขาฯ ก.ล.ต. ยันภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังดี ขณะที่ราคาทองคำผันผวนปรับขึ้นลง 7 รอบ ทองรูปพรรณแตะระดับสูงสุด 23,250 บาท
  • "ดีแทค"ตบเท้าเข้า กสทช.รับเอกสารประมูลคลื่น 5G หลัง'ทรู'คว้าไปรายแรก ยันเปิดขอรับถึง 3 ก.พ. ก่อนประมูล 16 ก.พ. มั่นใจมีผู้สนใจหลายราย ชูยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมรองรับเทคโนโลยีใหม่ หนุนไทยแลนด์ 4.0 พร้อมเขย่าโครงสร้างรับผู้ช่วยเลขาธิการ
  • พาณิชย์เดินหน้ากำหนดกำไรส่วนต่างราคายาแบ่งเป็น 12 กลุ่มตามต้นทุนพร้อมเตรียมศึกษาโครงการสร้างต้นทุนก่อนกำหนด โรงพยาบาลเอกชนจะมีกำไรได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ และเผยแพร่บนเว็บ dit.go.th
  • นายวิถี สุพิทักษ์ รองประธานสถาบันอุตสาหกรรมและเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์อุตสาหกรรมไม้ยางพาราน่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยอดออร์เดอร์ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกไม้ยางพาราไทยลดลงต่อเนื่อง เป็นผลจากจีนมีมาตรการเข้มงวดเรื่องสิ่งแวดล้อม และมีการเข้มงวดเรื่องการนำเข้า รวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ รวมทั้งโรงงานไม้ยางพาราจากจีน เข้ามาเปิดให้ไทยมากขึ้น จากผลกระทบหลายๆ ปัจจัย ส่งผลให้ที่ผ่านมาโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพาราทั้งของไทย และของจีนปิดไปจำนวนมาก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 8.7 บาท คาดหวังแบงก์ชาติผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 ซึ่ง AP น่าจะได้ประโยชน์เป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเพราะเน้นโครงการบ้านที่มีราคาขายในระดับต่ำถึงกลาง นอกจากนี้ AP ยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอประมาณ 0.33 บาทให้ Dividend yield ประมาณ 4.4%
  • HANA (คิงส์ฟอร์ด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า Bloomberg Consensus 31.00 บาท การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐเฟสแรกน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี โดย HANA มีฐานผลิตและกลุ่มลูกค้าส่วนหนึ่งในจีน ส่วนภาพอุตสาหกรรมกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ปีนี้คาดว่ายอดขายมีแนวโน้มเติบโต YoY โดย Smart Phone จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มี Demand เพิ่มช่วงปลายปีนี้จะเริ่มเห็นการออก Product 5G จากค่ายมือถือ HANA มีสัดส่วนยอดขายกลุ่ม Telecom มากกว่า 30% จึงมีโอกาสได้รับผลบวก ส่วนประมาณการกำไร Q4/62 ประเมินไว้ที่ 436 ลบ. -34%YoY สำหรับทั้งปี 62 และ 63 คาด 1.47 พัน ลบ. และ 1.73 พัน ลบ. -37%YoY, +17.5%YoY ตามลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ