(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาคหลังไร้ปัจจัยหนุน, จับตาการลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 13, 2020 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่จะแกว่ง Sideway up คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งในแดนบวกเล็กน้อยในลักษณะ Sideway เนื่องจากยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านก็ยังไม่ได้มีอะไร ทางสหรัฐฯจะคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งเป็นไปตามคาด และไม่มีนัยยะอะไร

อย่างไรก็ดี ตลาดกำลังรอดูการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เฟสแรกที่อาจจะมีขึ้นในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งจะรอดูว่าจะมีการลงนามกันได้จริงหรือไม่ ส่วนบ้านเราให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการปี 62 เริ่มที่กลุ่มแบงก์ โดย TISCO จะเป็นแบงก์แรกที่จะประกาศงบฯออกมาในวันที่ 14 ม.ค.นี้

ส่วนราคานน้ำมันก็นิ่ง ๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวมาก ซึ่งหากมองที่ Fund Flow ในสัปดาห์ที่แล้วจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิราว 2,000 ล้านบาท จึงเริ่มเห็นการไหลเข้าของเงินทุน

พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ โดยให้แนวรับ 1,573 จุด ส่วนแนวต้าน 1,588 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,823.77 จุด ลดลง 133.13 จุด (-0.46%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,265.35 จุด ลดลง 9.35 จุด (-0.29%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,178.86 จุด ลดลง 24.57 จุด (-0.27%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 134.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.64 จุด

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันฉลองบรรลุนิติภาวะ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องจากภูเขาไฟตาอัลปะทุรุนแรง

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ม.ค.63) 1,580.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด (+0.06%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 481.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ม.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 59.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ม.ค.) อยู่ที่ 0.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.18/22 แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์หลังดอลล์อ่อน แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 30.18-30.23
  • ผู้ส่งออกหวั่นค่าบาทกระทบยาวทั้งปี ฉุดสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมไก่ทั้งระบบ สมาคมกุ้งขออัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อดอลล์ หนุนแข่งขันต่างชาติ ด้านผู้ส่งออกยางเกาะติดค่าเงินใกล้ชิด
  • "พิพัฒน์" ลุยชงครม. เศรษฐกิจ ปลายเดือนนี้ ใช้ยาแรง "ฟรีวีซ่า" นักท่องเที่ยว 2 ตลาดใหญ่ "จีน-อินเดีย" สู้ศึกท่องเที่ยวโลกแข่งเดือด ลดผลกระทบ "บาทแข็ง" หวังไม้เด็ดดึงทัวริสต์เที่ยวไทย สานเป้าหมายปี 63 ดันรายได้ท่องเที่ยว ตลาดต่างประเทศ 2.22 ล้านล้านบาท ขณะนายก "แอตต้า" ประเมินบาทแข็งกระทบท่องเที่ยวไทยหนักสุด
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจับตาใกล้ชิดศึกสหรัฐ-อิหร่าน พร้อมวางแผนรับมือหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ยังหวั่นราคาน้ำมันดิบพุ่ง 15-20% กระทบต่อต้นทุนการผลิต เพราะไทยนำเข้าน้ำมันดิบปีละกว่า 6 แสนล้านบาท แต่ยังมีโอกาสที่ไทยส่งอาหารไปตะวันออกกลางมากขึ้น
  • นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือทอท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ทอท. เตรียมเปิดขายเอกสารการประมูลงานให้สิทธิประกอบกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี พิกอัพเคาน์เตอร์) ท่าอากาศยานดอนเมืองอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีผู้มาซื้อซองเพียง 1 ราย จนต้องยกเลิก
  • การประชุม ครม.วันที่ 14 ม.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอขยายมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 24-25 ม.ค.ให้ ครม.พิจารณา
  • ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ผ่านฉลุย สภาฯมีมติเห็นชอบ 253 เสียง ฝ่ายค้าน 196 ส.ส.งดออกเสียงชงวุฒิสภารับรองภายใน 20 วัน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 18.1 บาท ทยอยสะสมมอง Downside limit ราคาหุ้นลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ด้านทิศทางราคาทูน่าซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ TU ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ (900$/ton เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนที่ 1,400$/ton) ส่งผลบวกโดยตรงต่อ Margin และ ผลกำไรของ TU
  • TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 112 บาท จะรายงานงบพรุ่งนี้ คาด TISCO เป็น 1 ใน 2 ธนาคารที่จะมีกำไร Q4/62 เพิ่มขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y โดยคาดกำไร 1.9 พันล้านบาท +2% Q-Q, +11% Y-Y จากสำรองที่อยู่ในระดับต่ำและรับรู้ Incentive fee จากธุรกิจ บลจ. ทั้งนี้ปี 2563 ที่กลุ่มธนาคารเผชิญความท้าทาย แต่ TISCO ผันผวนน้อยกว่ากลุ่ม ถูกกระทบจำกัดจากอัตราดอกเบี้ยขาลง มีสำรองส่วนเกินรองรับ TFRS9 มีความพร้อมทั้งเงินกองทุนและเงินลงทุน โดยคาดกำไรปีนี้ +2.2% Y-Y ทั้งนี้ เชื่อว่า TISCO จะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลได้ปีละ 7 บาท/หุ้นในช่วงปี 2562-64 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงราว 7% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ