ดัชนีกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขยับขึ้น 2.32% มาอยู่ที่ 68.01 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด เมื่อเวลา 10.16 น. หุ้นในกลุ่มรับเหมาขยับขึ้นทั่วหน้า ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก นำโดยหุ้น CK บวก 3.70% มาอยู่ที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 122.84 ล้านบาท
หุ้น SEAFCO บวก 4.88% มาอยู่ที่ 6.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 23.01 ล้านบาท
หุ้น STEC บวก 2.72% มาอยู่ที่ 15.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 164.73 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า สภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 2-3 แล้ว ด้วยเสียงเห็นด้วย 253 ไม่เห็นด้วย 0 งดออกเสียง 196 ไม่ลงคะแนน 1 หลังจากนี้ต้องผ่านวุฒิสภา (ส.ว.) คาดเริ่มเบิกจ่ายราวเดือน ก.พ. เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง หุ้นรับเหมาฯที่กำไรดีในไตรมาส 4/62 มีเพียงบมจ.ไพลอน (PYLON) แต่ภาพทั้งปี โดยให้บมจ.ช.การช่าง (CK) เป็นหุ้นเด่น
ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2563 วาระ 2-3 ผ่านสภาฯในวันเสาร์ที่ผ่านมา และจะนำส่งวุฒิสภาพิจารณาต่อไป และน่าจะผ่านเป็นกฎหมายได้ทันเดือน ก.พ.63 ทำให้การเปิดประมูลโครงการใหม่ จะสามารถกลับมาเริ่มดำเนินการได้อีกครั้ง เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทั้งบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ CK
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำหุ้น STEC ให้ราคาเป้าหมาย 23.5 บาท ยังมี Backlog สูง 8.4 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อรายได้เกือบ 3 ปี ซึ่งคาดกำไรปี 63 จะกลับมาเติบโตดี 32% จากรายได้รับรู้มากขึ้น แม้ระยะสั้นไตรมาส 4/62 คาดกำไรลด y-y, q-q จากเป็นช่วงคาบเกี่ยวจบงานเก่าและเริ่มงานใหม่ ซึ่งรับรู้รายได้น้อย
ด้าน Valuation ราคาเริ่มยืนได้หลังปรับลงมาแรงจากประเด็นข้อพิพาท มองเป็นจุดเข้าลงทุนและเก็งกำไรสำหรับผู้รับความเสี่ยงสูงได้ โดยมี valuation ซื้อขาย P/BV20F 1.5x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ใกล้จะเริ่มถูกนำมาใช้ จะช่วยกระตุ้นความน่าสนใจกลุ่มอิงลงทุนอีกครั้ง และผ่านช่วงปรับฐานแรงทั้งประเด็นข้อพิพาทและการปรับลดประมาณการจากตลาดมาแล้ว มี downside จำกัด เป็นจุดลุ้นการฟื้นตัวรอบใหม่
นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้น CK ให้ราคาเป้าหมาย 31 บาท แนวโน้มผลประกอบการเข้าสู่ช่วงใกล้จุดต่ำสุดในไตรมาส 4/62-ไตรมาส 1/63 จากรายได้ลดลงจากช่วงปลายของงานใหญ่ๆ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และจะเริ่มกลับมาเติบโตได้หลังจากนั้น โดยประเมินกำไร 2563 กลับมาฟื้นแรง 88% จากฐานต่ำ และบริษัทลูก ทั้งบมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ช่วยผลักดันผลประกอบการ รวมถึงร่างงบประมาณรายจ่ายใกล้ผ่านแล้ว จะกลับมากระตุ้นการเบิกจ่ายและเปิดประมูลโครงการใหญ่ หนุนฐาน Backlog ช่วงถัดไป
ด้าน Valuation ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาแรง 34% ในรอบ 6 เดือน มองเป็นจุดซื้อที่ดีอีกครั้ง และซื้อขายที่ PBV63 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 1.93 เท่า