(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ ลดความร้อนแรงการฟื้นตัว หลังเฟดลดดบ. 0.5% รับมือโควิด-19 บ่งชี้ปัญหารุนแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 4, 2020 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ โดยเป็นการลดความร้อนแรงของการฟื้นตัว หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% จากระดับ 1.50-1.75% สู่ระดับ 1.00-1.25% เมื่อวานนี้ แต่ก็ยังมีความสับสนว่าการปรับลดครั้งนี้เป็นการบ่งชี้ปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระดับที่รุนแรงหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าการปรับลดดอกเบี้ยนี้ช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบได้ และช่วยชะลอเศรษฐกิจที่จะแย่ลงได้ แต่การแก้ไขเศรษฐกิจอย่างแท้จริง คงจะต้องได้เห็นพัฒนาการการรักษาไวรัสโควิด-19 ถึงจะช่วยได้จริง

นอกจากนี้ ในแง่ผลกระทบกับบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯมองว่าไม่ได้มาก อย่างกลุ่มเทคโนโลยีมองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพราะยิ่งมีโรคระบาดคนก็ยิ่งใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จึงน่าจะเป็นผลดีต่อกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า อย่างไรก็ดี บ้านเรามองว่านักลงทุนคงจะปรับพอร์ตเพื่อหลีกเลี่ยงการรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่จะปรากฏในผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,383-1,400 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,917.41 จุด ร่วงลง 785.91 จุด (-2.94%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,003.37 จุด ลดลง 86.86 จุด (-2.81%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,684.09 จุด ลดลง 268.08 จุด (-2.99%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 185.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 36.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 40.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.31 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.60 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 มี.ค.63) 1,375.02 จุด เพิ่มขึ้น 39.30 จุด (+2.94%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,324.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 มี.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 มี.ค.63) ปิดที่ 47.18 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 มี.ค.) อยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.38 แข็งค่าจากวานนี้หลังเฟดลดดอกเบี้ยฉุกเฉินรับมือโควิด-19 ส่งผลดอลล์อ่อน
  • "ประยุทธ์" นัดถก ครม.เศรษฐกิจนัดพิเศษศุกร์นี้ รับมือผลกระทบโควิด-19 "คลัง-ท่องเที่ยว" เร่งทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ตลาดทุน ครม.สละเงินเดือนลงขัน ตั้งกองทุนสู้ไวรัส นายกฯสั่ง 14 แนวทางรับมือระบาด "สาธารณสุข" สั่งกักตัว 14 วัน จากประเทศโรคระบาด
  • กกร.หารือวันนี้ หวังลดผลกระทบ "โควิด-19" ชี้ภาคอุตสาหกรรมเริ่มได้รับผลกระทบ หลังไม่สามารถส่งสินค้าไปจีนได้ เตรียมเร่งวางแนวทางช่วยเหลือภาคธุรกิจ ด้าน "วีรพงษ์" ฟันธงเศรษฐกิจไทยส่อถดถอยยาว 5 ปี จวกรัฐบาลไร้ความสามารถ ขณะ ธปท. บริหารค่าเงิน ผิดพลาดทำส่งออกติดลบ พร้อมระบุ "ไทย" อยู่ในช่วง "มหาวิกฤติ"
  • พิษโควิด-19 ส่งผลอีเวนท์ ยานยนต์ "เลื่อน-ยกเลิก" บางกอก มอเตอร์โชว์ประกาศเลื่อนจัดงานออกไป 1 เดือน หลังรับแรงกดดันจากบริษัทรถยนต์ ด้าน "เมอร์เซเดส-เบนซ์" เลื่อนแผนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี อีวี "มาสด้า" เลิกกิจกรรมเปิดตัว ซีเอ็กซ์30 ขณะ "เออาร์ไอพี" ลั่นเดินหน้างาน คอมมาร์ต 5-8 มี.ค.นี้
  • "คมนาคม" ชงครม.เศรษฐกิจเคาะ 41 โครงการร่วมลงทุน PPP วงเงินกว่า 7.49 แสนล้านบาท มีครบหมดทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ทางด่วน ท่าเรือ "ศักดิ์สยาม"ลั่นพร้อมลุยประมูล พร้อมสั่งทุกหน่วยปรับแผนเร่งเบิกจ่ายงบฯปี 63 เป้าต้อง 100% นัดส่งการบ้าน 10 มี.ค.นี้
  • 'อีไอซี'วิเคราะห์สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ รุนแรงและยาวนานขึ้น ระดับน้ำในเขื่อนทั่วทุกภาคเข้าขั้นวิกฤต ผลผลิตข้าว-อ้อย-มันสำปะหลังหาย ช่วยดันราคา แต่ไม่เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร กระทบถึงเศรษฐกิจภาพรวม ไร้กำลังซื้อช่วยฟื้นธุรกิจเกี่ยวข้อง

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อ"ปิด 107 ซื้อ/เป้า 146 บาท) ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว คาดหวัง OPEC+ ลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวันมากกว่าข้อเสนอเดิมที่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน คาดพยุงและหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI กับไปซื้อขายเหนือระดับ USD50/bbl ได้เป็นบวกต่อผลประกอบการของ PTTEP
  • STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ทยอยซื้อ"เป้า 23 บาท ปรับกำไรปี 2563 ขึ้น 9% เป็น 1.4 พันล้านบาท โดยเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพราะงานก่อสร้างรถไฟฟ้าเหลือง-ชมพูอยู่ในช่วงกลางโครงการ การรับรู้รายได้เป็น s-curve (แล้วเสร็จ ต.ค. 2564) Backlog สูงถึง 7.8 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ 2 ปี และเตรียมได้งานเพิ่มจากสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก (STEC ถือ 20% อยู่ระหว่างเจรจา) ส่วนความกังวลเรื่องคดีรับเงินโรงไฟฟ้าขนอมรับรู้ไปมากแล้ว งานรัฐสภาใหม่คืบหน้า 70-80% คาดเสร็จปลายนี้ ไม่ต้องสำรองขาดทุนเพิ่ม และการประมูลใหม่ๆกำลังจะเริ่มเช่นรถไฟฟาสีส้ม รถทางคู่ รถไฟไทย-จีน เป็นต้น
  • HMPRO (เอเชีย เวลท์) "ซื้อ"เป้า 19 บาท คาดกำไรสุทธิปี 63 จะโตในอัตราที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญ ดังนี้ (1) ด้านสินค้าและบริการ โดยเพิ่มสินค้าและบริการมากขึ้น เพื่อตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า และคงเน้นสินค้าที่รักษาสิ่งแวดล้อม (2) เน้นประสบการณ์ด้านดิจิทัล โดยเน้นช่องทาง Omni Channel ให้ลูกค้าสะดวกและเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น รวมถึง Click & Collect ซื้อสินค้าทางออนไลน์ และรับสินค้าที่ร้านค้า โดยคาดว่าจะเติบโตทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากช่องทางออนไลน์ 2% ของรายได้ทั้งหมด และ (3) บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 5 สาขาในปี 2563 ได้แก่ โฮมโปร 2 สาขา โฮมโปร เอส 1 สาขา เมกา โฮม 1 สาขา และ โฮมโปร มาเลเซีย 1 สาขา คาดว่าใช้ CAPEX จำนวน 5,000 ล้านบาท ในการขยายสาขา และปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ