BGRIM เผย บ.ย่อยเข้าซื้อหุ้น 70% ในโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ 123 MW มูลค่า 2.52 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 17, 2020 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

BGRIM เผย บ.ย่อยเข้าซื้อหุ้น 70% ในโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ 123 MW มูลค่า 2.52 พันลบ.

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ชลบุรี) 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% บรรลุความสำเร็จตามสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement) กับ Redman Pacific Holding Pte.Ltd. เพื่อเข้าถือหุ้นจำนวน 70% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด มูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 2,520 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ได้รับอนุมัติโดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2562

บริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิตติดตั้ง 123 เมกะวัตต์ (MW) เปิดดำเนินการเมื่อปี 2559 ตั้งอยู่ใน ตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี ความสำเร็จในครั้งนี้ส่งผลให้ BGRIM มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3,019 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 47 โครงการ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้างโครงการอีกหลายแห่งที่จะขยายกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 3,547 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้ง 5,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2565

BGRIM เผย บ.ย่อยเข้าซื้อหุ้น 70% ในโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ 123 MW มูลค่า 2.52 พันลบ.

สำหรับการประเมินผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจนัก อันเนื่องมาจากเป็นสัญญาซื้อขายไฟกับ กฟผ. ในลักษณะ take or pay และเป็นรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในแต่ละประเทศ

ส่วนของรายได้ 25% จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมนั้น บริษัทได้ติดตามสถานการณ์และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ด้วยความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าทำให้ยอดการใช้ไฟฟ้าโดยรวมค่อนข้างมั่นคง โดยยอดใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมในเดือนม.ค.-ก.พ. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในอัตรา 0.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ และผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ บริษัทมีลูกค้าใหม่อีกหลายรายรวมจำนวน 31 เมกะวัตต์ ที่ส่วนใหญ่มีกำหนดการเริ่มจ่ายไฟในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 63

ทั้งนี้ ยังมีความต้องการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพอีกจำนวนมากในพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ อาทิ ความต้องการจากกลุ่มธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ปิโตรเคมี และผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับพลังงานทดแทน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าของบริษัทเพียง 130 รายจากจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดมากกว่า 1,500 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมเหล่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ