ประธาน FETCO ถอดรหัส"หุ้นไทย"เดือนเดียวคืนร่าง"ตลาดกระทิง"...ไปได้ไกลได้อีกแค่ไหน ??

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 16, 2020 10:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้เข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงทางเทคนิคไปแล้ว หลังจากดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดในรอบนี้ที่ระดับ 969 จุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้นในการปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกช่วยหนุนความเชื่อมั่นกลับมารวดเร็วคืออัตราจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มในอัตราชะลอลง โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยได้ส่งสัญญาณเป็นบวกมาหลายวันติดต่อกัน เป็นสิ่งสะท้อนว่าปัญหาที่เคยกังวลถึงการเร่งตัวของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกแรกได้ผ่านพ้นจุดเลวร้ายไปแล้ว ขณะที่จีนควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ดี เป็นเหตุผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นแนวทางดูแลการแพร่ระบาดในภูมิภาคเอเชียที่มีโอกาสจะทำได้ดีกว่าหลายประเทศในยุโรปและสหรัฐฯที่ปัจจุบันยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า แม้ว่านักลงทุนจะรับรู้ว่าวิกฤติโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกไปบ้างแล้ว สะท้อนผ่านมุมมองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP โลกปีนี้เป็นติดลบ 3% จากเดิมคาดขยายตัว 3.3% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่รุนแรงกว่าวิกฤติการเงินโลกปี 2551 สอดคล้องกับหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยหลายสำนักได้คาดการณ์ GDP ปีนี้มีโอกาสติดลบมากกว่า 5-7%

โควิด-19 เป็นวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นในรอบ 100 ปี เป็นปัจจัยคาดเดายากว่าจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไปหรือไม่ เพราะหากการแพร่ระบาดโควิด-19 กลับมาลุกลามในระลอก 2 หรือ 3 ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจมีโอกาสรุนแรงกว่าในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ารัฐบาลและธนาคารกลางของหลายประเทศอัดฉีดเงินงบประมาณมหาศาลหรือเรียกว่าแทบจะหมดหน้าตัก ดังนั้น ต้องติดตามต่อไปว่าแนวทางป้องกันและผ่อนปรนมาตรการ Lockdown ของหลายประเทศจะมีประสิทธิภาพควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในระลอก 2 ได้อย่างไร

"การลงทุนในช่วงวิกฤติจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของหุ้นอย่างรอบคอบ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะมีเวลามากพอที่จะลงทุนให้ได้กำไรจากสถิติตลาดกระทิงหลังเกิดวิกฤติ 4 ครั้งล่าสุดของไทย ตลาดหุ้นใช้เวลาอยู่ในภาวะกระทิงโดยเฉลี่ยเกือบ 2 ปี และปรับขึ้นครั้งละ 171% ครั้งที่ยาวนานที่สุดคือ 4 ปีครึ่ง หลังวิกฤติการเงินโลก SET INDEX ปรับขึ้นถึง 334%"

"ดัชนีหุ้นไทยรอบนี้ยอมรับว่าขึ้นมาเร็วกว่าที่คิด เพราะเดือนเดียวก็กลายเป็นภาวะตลาดกระทิงทางเทคนิคไปแล้ว แต่วิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นในรอบ 100 ปีจึงฟันธงยากว่าจะจบอย่างไร เพราะถ้าหากมีวัคซีนรักษาคงช่วยให้ความเชื่อมั่นทั่วโลกกลับมาดีขึ้น แม้ว่าวันนี้ทุกคนรับรู้ไปแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่ก่อนจะดิ่งไปแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 ก่อนจะค่อยๆฟื้นตัวเป็นรูปตัว U ไม่ได้ฟื้นตัวเร็วเหมือนตัว V ที่เคยคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ แต่เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตามถ้าเศรษฐกิจพลิกผันเกิดเป็นรูป W ขึ้นมา เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 กลับมาระลอก 2 และรอบ3 ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ถ้าเป็นเช่นนี้จริงคงบอกได้คำเดียวว่าน่ากลัว"นายไพบูลย์ กล่าว

ประธาน FETCO เพิ่มเติมมุมมองว่า สภาพคล่องในตลาดโลกมีจำนวนมหาศาลช่วยผลักดันตลาดหุ้น แต่ประเด็นคือความเชื่อมั่นนักลงทุนยังไม่กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นอยากแนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นมุ่งเน้นลงทุนระยะยาวมากกว่าเก็งกำไรช่วงสั้นหรือระยะกลาง เพราะกว่าจะคิดค้นวัคซีนเชื่อว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในระหว่างทางคาดเดายากว่าจะเกิดวิกฤติซ้ำอีกรอบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังทรงตัวเช่นนี้เชื่อว่านักลงทุนคงมองข้ามช็อตอาจไปซื้อขายกันบนสมมติฐานของกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 64 เปิดกว้างอัพไซด์ดัชนีตลาดหุ้นไทยไปสู่เป้าหมายกว่า 1,400 จุด

"การเลือกหุ้นในรอบนี้ มีความท้าทายกว่าทุกครั้งเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการเข้าสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วง Lockdown มีโอกาสสูงที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง และ New Normal ในอนาคต นักลงทุนจึงต้องทำการบ้านให้ดี และควรเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เช่น ธุรกิจอาหาร ค้าปลีก สื่อสาร ไฟฟ้า และโรงพยาบาล เป็นต้น"นายไพบูลย์ กล่าว

https://youtu.be/4GxYYq220Tk


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ