BBL เผย Q1/63 ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 2.52% พอร์ตสินเชื่อโต 2.7% จากลูกค้ารายใหญ่ เงินสำรองยังสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 22, 2020 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/63 มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 15.3% จากไตรมาส 4/62 จากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อโดยใช้วิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Interest Rate) ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารอยู่ที่ 2.52% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 22.4% ส่วนใหญ่ลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ

สำหรับรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลงจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากไตรมาส 4/62 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนจำนวน 14,988 ล้านบาท กอปรกับเครื่องมือทางการเงินประเภทที่มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่กำหนดให้วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมมีมูลค่าลดลงตามสภาวะตลาดเงินและตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 28.8%

ทั้งนี้ ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลลูกค้า พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียโดยจัดให้มีมาตรการป้องกันและดูแลการติดเชื้อโดยมีการประชุมในระดับฝ่ายจัดการอย่างใกล้ชิดและจัดการปรับเปลี่ยนการป้องกันให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลานับแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 43.1%

สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาสแรกลดลงมาก เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเสริมสร้างระดับสำรองของธนาคารให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นตามหลักความระมัดระวัง ก่อนการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 (TFRS 9)

ณ สิ้นเดือน มี.ค.63 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,115,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากสิ้นปี 62 จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการที่คาดไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.5%

ขณะที่เงินสำรองของธนาคารยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 203.9% ของเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเคียงข้างและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ นอกจากนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังทั้งในภาวะเศรษฐกิจปกติและภาวะถดถอย

ธนาคารยังคงรักษาเงินกองทุนและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 มี.ค.63 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.2% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.5%, 15.7% และ 15.7% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ธนาคารและบริษัทย่อยได้นำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่ (ฉบับที่ 9) มาถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป โดยไม่ปรับงบการเงินเปรียบเทียบย้อนหลัง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประเภทและการวัดมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินทางการเงิน การคำนวณการด้อยค่าของสินทรัพย์ทางการเงินโดยใช้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) และการบัญชีป้องกันความเสี่ยง

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 3 เศรษฐกิจไทยหดตัวอย่างหนักจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรวิด-19 การส่งออกและการนำเข้าสินค้าของไทยลดลงอย่างรุนแรง ขณะที่มาตรการในการควบคุมโรคของหลายประเทศ เช่น การจำกัดการเดินทาง และการปิดเมือง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง กอปรกับมาตรการของรัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโดยการหยุดกิจการชั่วคราวของห้างสรรพสินค้า สถานที่ให้บริการต่าง ๆ สถานบันเทิง รวมถึงการกำหนดมาตรการเคอร์ฟิว (ห้ามออกนอกเคหสถาน) ในช่วงเวลา 22.00 - 04.00 น. ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงอย่างมาก นอกจากนี้ ไทยยังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางเกษตรของไทยอย่างมีนัยสำคัญ

จากผลกระทบดังกล่าว รัฐบาลได้เร่งดำเนินการออกมาตรการต่าง ๆ ทั้งด้านการเงินและการคลังเพื่อผ่อนคลายผลเชิงลบทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะประชาชนและผู้ประกอบการในภาคต่าง ๆ ที่ประสบความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในการนี้ ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะประคับประคองให้ลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนสามารถผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ โดยที่ผ่านมาธนาคารออกมาตรการต่าง ๆ พร้อมทั้งสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการให้มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน และช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระทางการเงิน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ