โบรกฯเชียร์"ซื้อ" DELTA เริ่มเห็นสัญญาณดีคำสั่งซื้อ-ได้แรงหนุนจากบาทอ่อนค่า-ฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 27, 2020 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) หลังมองถูกกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 น้อยกว่าบริษัทอื่น เพราะอุปสงค์ Data center & networking infrastructure ที่ดี และมีแนวโน้มดีในระยะยาว ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net cash

ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณดีจากลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามา และยังได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าด้วย แม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะชะลอตัว แต่ก็ถูกชดเชยจากกลุ่ม ICT และชิ้นส่วนในกลุ่มการแพทย์ทดแทน

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรในไตรมาส 1/63 อยู่ในช่วง 530-639 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลประกอบการงวดไตรมาส 1 อาจจะเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้

ส่วนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากการปิดประเทศของจีนและการขนส่งทางทะเล ทำให้วัตถุดิบขาดแคลนในไตรมาส 1/63 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง, การเติบโตของ Data Center ซึ่ง DELTA เป็นอันดับ 1 ในการผลิต Power Supply และอุปกรณ์ด้านการแพทย์และสื่อสารที่มีอัตรากำไรสูง รวมทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่งหลังจีนกลับมาเปิดประเทศ

พักเที่ยงหุ้น DELTA อยู่ที่ 42 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 7.69% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.64%

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า (ประเทศไทย)       ซื้อเก็งกำไร               47.30
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)   ซื้อ                   47.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                 ซื้อ                   47.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)   ซื้อ                   47.00
          ทิสโก้                        ซื้อ                   45.75

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า DELTA ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากลูกค้าที่เริ่มมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามา และยังได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าด้วย ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรในไตรมาส 1/63 จะมีประมาณ 530 ล้านบาท เติบโต 38% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 51% จากงวดปีก่อน แม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการชะลอตัว แต่ก็ถูกชดเชยจากกลุ่ม ICT และชิ้นส่วนในกลุ่มการแพทย์ทดแทน

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก Supply Chain ในจีนปิดทำการจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี ในปี 63 คาดการณ์กำไรสุทธิของ DELTA ไว้ที่ 3,400 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 3,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้กำไรของ DELTA เติบโตจากฐานปีที่แล้วที่อยู่ในระดับต่ำ

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า DELTA เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 น้อยกว่าบริษัทอื่น เพราะอุปสงค์ Data center & networking infrastructure ที่ดี และมีแนวโน้มดีในระยะยาว ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net cash โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) ปีนี้ 3.1% และปี 64 เพิ่มเป็น 4.6%

ธุรกิจด้าน Data center ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 25-30% นั้น ถูกกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จำกัด เพราะมีอุปสงค์แข็งแกร่ง หลังจากที่ประชาชนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้านจำนวนมากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการประชุม สื่อสารมีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นความต้องการซื้อ Power supply สำหรับอุปกรณ์แพทย์ ที่มีสัดส่วนรายได้ 5% ก็เพิ่มด้วย แต่ส่วนนี้ก็ติดขัดด้วยการขาดแคลนวัตถุดิบ

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 อาจจะเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ หากสถานการณ์ในสหรัฐและยุโรปกลับมาปกติตั้งแต่พ.ค.63 โดยในไตรมาสแรก DELTA ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เมื่อระดับสินค้าคงคลังเหลือต่ำมาก และไม่สามารถซื้อวัตถุดิบจากจีนเพราะติดปัญหาการขนส่งช่วงจีนปิดประเทศ โดยคาดว่ากำไรปกติ (Core profit) ในไตรมาส 1/63 จะอยู่ที่ 541 ล้านบาท ลดลง 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสก่อน

ส่วน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์คาดผลประกอบการของ DELTA งวดไตรมาส 1/63 จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยคาดกำไรที่ 639 ล้านบาท ลดลง 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2% จากงวดปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และในเดือน ก.พ.-มี.ค.มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบหลังอุปสงค์ของทางฝั่งสหรัฐฯยังไม่ลดลง

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 30bps จากไตรมาสก่อน เป็น 20.1% จากค่าเงินบาทที่อ่อนลงจาก 30.30 บาท/ดอลลาร์ เป็น 31.30 บาท/ดอลลาร์ แต่จะลดลงเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน โดยอัตรากำไรในไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 23% จากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยคาดอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายที่ 10.9% จากเดิมที่ 10.6% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มขึ้น

ขณะที่การปิดประเทศของจีน และการขนส่งทางทะเล ทำให้วัตถุดิบขาดแคลนในไตรมาส 1/63 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/63 เป็นต้นไปจากเงินบาทอ่อนค่าลง และการเติบโตของ Data Center ซึ่ง DELTA เป็นอันดับ 1 ในการผลิต Power Supply ,อุปกรณ์ด้านการแพทย์และสื่อสารที่มีอัตรากำไรสูง และได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่งหลังจีนเปิดประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ