(เพิ่มเติม) PHATRA ตั้งเป้าขยายพอร์ตลงทุนเป็น 1.5 พันลบ.จากขณะนี้ 800 ลบ.

          นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า ตั้งเป้าที่จะขยายพอร์ตการลงทุนเป็น 1.5 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตการลงทุน 800 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหุ้นในประเทศ ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากผลตอบแทนพอร์ตการลงทุน 14% ของรายได้รวม
          "เรามีส่วนล้ำมูลค่าทางบัญชีที่เราลงทุนจากหุ้นที่ยังไม่ได้บันทึก 207 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนของเราจะเป็นการลงทุนในระยะยาวทำให้ไม่รู้ว่าบันทึกเป็นกำไรเท่าไรแต่ พอร์ตการลงทุนที่ 800 ล้านบาทปัจจุบันถือว่าเพิ่มขึ้นจากปี 49ที่อยู่ 400-500 ล้านบาท" นายสุวิทย์ กล่าว 
          นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้มาจากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นทั้งในและต่างประเทศ 64% และที่เหลือเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยค่าที่ปรึกษาฯในจำนวนนี้รวมถึงรายได้ค่าที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลด้วยซึ่งบริษัทคาดว่าสิ้นปีนี้ภายใต้การให้คำปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลรายได้จะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ในปัจจุบันอยู่ที่ 7.8 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้มีทั้งหุ้น บอนด์ อนุพันธ์ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์
          ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ที่ 6% ขึ้นไป จากครึ่งปีแรกมาร์เก็ตแชร์ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 49 แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาร์เก็ตแชร์ที่สูงขึ้นมาจากสถาบันต่างประเทศ
          นายสุวิทย์ คาดว่าสิ้นปีนี้จะเห็นดัชนีที่ 1000 จุดซึ่งเร็วกว่าที่ประมาณการไว้ที่จะเห็นในปีหน้า เนื่องจากความชัดเจนทางการเมือง ส่งผลให้นักลงทุนกล้าเข้ามาลงทุนมากขึ้นรวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่ดีรวมทั้งสภาพคล่องทางการเงินก็ปรับสูงขึ้นโดยเฉพาะเม็ดเงินที่เข้ามาในเอเชีย 2 เดือนที่ผ่านมาหลังการเมืองคลี่คลาย จากช่วงต้นปีที่เม็ดเงินหนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากบ้านเรามีความกังวลเรื่องการเมือง
          นายสุวิทย์ คาดว่าตลาดหลักทรัพย์จะสามารถสรุปเกณฑ์การคิดอัตราค่าธรรมเนียมกับทางเมอร์ริล ลินช์ในฐานะเป็นคู่ค้า (Exclusive Partner) ที่อัตราใหม่ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นระดับค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมเดิมที่ 0.25% ส่วนจะมีผลกระทบต่อรายได้บริษัทอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าหากส่งวอลุ่มเท่าเดิมรายได้ก็จะลดลงเพราะค่าธรรมเนียมลดลง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ Exclusive Partner จะส่งวอลุ่มให้กับบริษัทเพิ่มขึ้น
          ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ตกลงคิดค่าค่าคอมมิชชั่นกับทาง"เมอร์ริล ลินช์"ในฐานะเป็นคู่ค้า (Exclusive Partner)ที่อัตราใหม่ 0.175% จากเดิมที่คิด 0.25%