(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงลบ เล็งกลุ่มแบงก์กดดันหลังธปท.สั่งงดปันผลระหว่างกาลปี 63-ซื้อหุ้นคืน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 22, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down คาดว่าจะรับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้สั่งธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2563 และงดซื้อหุ้นคืน ซึ่งเป็นการสะท้อนมุมมองภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในอนาคต

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด หลังจากที่สหรัฐฯมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เร่งตัวขึ้นในหลาย ๆ รัฐ ทำให้เป็นอุปสรรคการฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังจากที่คลายล็อกดาวน์แล้ว

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั่วโลกในสัปดาห์นี้ และติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,358-1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380-1,390 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 มิ.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,871.46 จุด ร่วงลง 208.64 จุด (-0.80%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,097.74 จุด ลดลง 17.60 จุด (-0.56%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,946.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด (+0.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 125.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 115.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 14.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.31 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.13 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 มิ.ย.63) 1,370.82 จุด ลดลง 2.16 จุด (-0.16%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,007.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 มิ.ย.63) ปิดที่ 39.75 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 91 เซนต์ หรือ 2.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 มิ.ย.) อยู่ที่ 0.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.00 รอดูผลกระทบจากมาตรการธปท. ให้กรอบวันนี้ 30.88-31.08
  • รฟท.เร่งทีโออาร์ เปิดประมูลรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 สาย "เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ" และ "บ้านไผ่-นครพนม" วงเงินรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท ใน ต.ค. นี้ รวมงานโยธาและระบบอาณัติสัญญาณเพื่อความรวดเร็ว เร่งเวนคืนงบ 2 หมื่นล้านบาท เปิดพื้นที่ใหม่ ส่งมอบรับเหมาตอกเข็มปี 64 เปิดเดินรถปี 68 ได้ตามแผน
  • กพท.ย้ำแม้คลายล็อกการเดินทางด้านอากาศยาน แต่ยังคงมาตรการเข้มผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย ด้านแอร์เอเชีย-ไลอ้อน แอร์ แจ้งขอหยุดบินระหว่างประเทศถึง ก.ค.63
  • นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และประธานชมรมบัตรเครดิต เปิดเผยว่า มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลปรับเพดานดอกเบี้ยลงมา จะส่งผลดีต่อลูกค้าและประชาชนที่จะมีภาระค่าใช้จ่ายน้อยลง แต่กระทบต่อผู้ให้บริการทั้งที่เป็นธนาคารและนอนแบงก์ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดังกล่าว ซึ่งถึงอย่างไรสถาบันการเงินทั้งหมดพร้อมปฏิบัติตาม และการลดเพดานดอกเบี้ยในครั้งนี้ ถือเป็นการลดดอกเบี้ยทั้งกลุ่มบัตรเครดิต ส่งผลให้หลังจากนี้ผู้ให้บริการทุกรายต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจและการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  • น้ำยางพาราข้นแรงต่อเนื่องราคาพุ่งขึ้นเป็น 44.52 บาท/กิโลกรัม เพราะทั่วโลกต้องการใช้ ประเมินแม้หมดโควิดแต่โลกยังต้องการถุงมือยางทางการแพทย์-ถุงยางอนามัย เพิ่มต่อเนื่อง 3-5 ปี โดยคำสั่งซื้อของไทยไปถึงปลายปีแล้ว เผยผู้ผลิต ยุโรป สหรัฐอเมริกา สเปน เล็งเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยเพิ่มขึ้น
  • สมาคมธนาคารไทย-ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์-สภาธุรกิจตลาดทุน เห็นพ้องมาตรการ ธปท.ให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและงดซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง สร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ขณะที่ธปท.ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 คลี่คลาย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 210 บาท เตรียมพร้อมเปิดตัว 5G เร็ว ๆ นี้ และเชื่อว่าจะเป็นผู้นำ 5G ได้ไม่ยากด้วยความพร้อมของจำนวนคลื่นที่มากที่สุดทั้งความถี่สูงและต่ำ ฐานลูกค้าใหญ่ที่สุด ฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมในการลงทุนต่อเนื่องในอนาคต แม้งบ Q2/63 จะลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี แม้จะทยอยฟื้นตัวในครึ่งปีหลังแต่คาดอย่าง conservative กำไรปกติทั้งปี -10% Y-Y และคาดจ่ายปันผลปีละ 6.60-6.70 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 3.5% ต่อปี
  • CPF (เคทีบีฯ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 35 บาท ความต้องการหมูในต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง ข่าวที่จีนระงับการนำเข้าหมูจากเยอรมนี และเวียดนามมีการนำเข้าหมูจากไทย น่าจะเป็นข่าวในเชิงบวกของ CPF จากเดิมที่มีเพียงจีนที่นำเข้าเพิ่มขึ้น และ supply ลด บวกต่อราคาหมูที่จะสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาไก่ในประเทศที่สูงขึ้นเป็นบวกต่อ CPF ด้วย พร้อมประมาณการกำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +7% YoY ช่วง Q2/63 คาดได้รับผลกระทบมากขึ้นการปิดตัวของภาคโรงแรมห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารมากขึ้น แต่จะทยอยดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ด้านค่าเงินบาทแข็งค่า มีผลกระทบของ CPF ในส่วนของการส่งออก
  • BAM (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 29.5 บาท แบงก์กำลังมีปัญหา, NPLs กำลังเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์อย่าง BAM เพราะจะเข้าซื้อหนี้ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ