(เพิ่มเติม) SCBS ลดเป้า SET สิ้นปี 63 เหลือ 1,428 จุด รับแรงกดดันศก.ชะลอ-โควิดรอบ 2-การเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 13, 2020 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) SCBS ลดเป้า SET สิ้นปี 63 เหลือ 1,428 จุด รับแรงกดดันศก.ชะลอ-โควิดรอบ 2-การเมือง

บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ปรับเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) สิ้นปี 63 ลงเหลือ 1,428 จุด จากเดิม 1,450 จุด รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบ 2 ในหลายประเทศ และสถานการณ์ทางการเมือง โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและผันผวน เนื่องจากต่างชาติยังชะลอการเข้าซื้อหลังหุ้นไทยราคาแพงแล้ว ขณะที่คาดว่าปีนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หดตัว 27% จากโควิด-19 แนะนำซื้อหุ้นเด่นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก-ขนส่งเข้าพอร์ต

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจให้ชะลอตัว และกระทบมาถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในปีนี้ ประกอบกับยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งต้องติดตามว่าการปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ จะมีทีมเศรษฐกิจชุดใหม่อย่างไร เพราะจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะต่อไป ทำให้มีความเสี่ยงหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ออกมาไม่สามารถเข้ามากระตุ้นเศษฐกิจได้ตามคาด ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดเป้าดัชนี SET ลงเหลือ 1,428 จุดจากเดิม 1,450 จุด

ทั้งนี้ มองว่าแรงกดดันต่อดัชนี SET ยังคงมีอยู่ค่อนข้างมาก แม้ว่าหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกจะเริ่มคลายล็อกดาวน์ แต่ยังพบการกลับมาระบาดของโควิด-19 รอบสอง ทำให้กดดันภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด และกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในภาคการส่งออกและภาคท่องเที่ยว ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญกับความท้าทาย จากความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เข้ามากระทบได้ในระยะต่อไป

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังมีความเปราะบางค่อนข้างมาก จากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่สะท้อนกับปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ทำให้ยังขาดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย แม้ว่าธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินออกมามากกว่าปี 51 แต่นักลงทุนต่างชาติยังชะลอการซื้อในตลาดหุ้นไทย และยังมีทิศทางการขายต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกว่า 2 แสนล้านบาท โดยการที่ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มมาได้จากแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน จากกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)

"ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนยังมีอยู่มาก ซึ่งยังกดดันตลาดหุ้นไทยได้ในระยะต่อไป หากปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มอีกก็อาจทำให้ดัชนีหลุด 1,300 จุดได้ ทำให้การลงทุนในช่วงนี้ยังต้องระมัดระวัง เพราะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างเปราะบาง และผันผวน ราคาหุ้นขึ้นไปไม่สะท้อนพื้นฐาน ทำให้ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยยังแพง และนักลงทุนต่างชาติก็ยังชะลอซื้อ"นายสุกิจ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนไตรมาสที่ 3/63 ยังคงเน้นหุ้น Defensive จากปัจจัยของเศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตอย่างช้า ๆ ในระยะ 1-3 ปี ข้างหน้า ดังนั้นสำหรับพอร์ตลงทุนหลักระยะยาวจึงแนะนำให้เข้าซื้อหุ้น Defensive ที่มีคุณภาพสูง เช่น กลุ่มสินค้าจำเป็น เช่น กลุ่มอาหาร กลุ่มขนส่ง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มสื่อสาร แม้การ rotation ไปยังกลุ่มหุ้น cyclical ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

โดยแบ่งการจัดพอร์ตการลงทุนเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ พอร์ตลงทุนแบบ Defensive ซึ่งประกอบด้วยหุ้น top picks จากไตรมาส 2/63 ได้แก่ BDMS BEM BTS และ CPF รวมถึงหุ้น Defensive ใหม่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เช่น ADVANC BCH และพอร์ตลงทุนเชิงกลยุทธ์ (tactical portfolio) จะมุ่งเน้นหุ้นที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรเศรษฐกิจในประเทศที่มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นพอร์ตสำหรับการเล่นรอบในระยะ 3 เดือน ที่เน้นหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นตามวัฏจักร เช่น BBL ERW IVL และ HANA


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ