ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดร่วงลงในวันนี้ (1 ส.ค.) หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตลาดซับไพร์มของสหรัฐ ซึ่งทำให้ดัชนีร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรม 11 กันยายนในสหรัฐ หุ้นแมคควอรีแบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนชั้นนำของออสเตรเลียร่วงลงหลังจากที่ธนาคารเปิดเผยว่า กองทุน 2 แห่งของธนาคารขาดทุนถึง 25% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากวิกฤติตลาดซับไพร์มในสหรัฐ หุ้นธนาคารและเหมืองแร่ชั้นนำก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกันจากความวิตกที่ว่า จะมีการเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดลบ 203.0 จุด หรือ 3.3% ปิดที่ระดับต่ำของวันที่ 5,941.2 จุด ปริมาณการซื้อขาย 2.3 พันล้านหุ้น มูลค่า 8.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แอนดรูว์ เซ็คเลย์ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ออสเตรเลียของอินเตอร์สวิส กล่าวว่า ตลาดสินเชื่อสหรัฐที่ทรุดตัวลงทำให้เกิดความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุน และเป็นครั้งแรกที่มีกระแสความตื่นตระหนกเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ส่วนหุ้นแมคควอรีที่ร่วงลงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเท่าไรนัก ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อตลาดมีเสถียรภาพเมื่อใด หุ้นแมคควอรีก็จะได้รับความสนใจเข้าซื้อ เซ็คเลย์กล่าวว่า หุ้นบริษัทอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกองทุนด้านการบริหารสำหรับนักลงทุน อย่างหุ้นแบ็บค็อค แอนด์ บราวน์ และหุ้นอัลโค ไฟแนนซ์ กรุ๊ปก็ถูกเทขายเนื่องจากความกังวลในตลาดสินเชื่อสหรัฐเช่นกัน หุ้นแบ็บค็อค แอนด์ บราวน์ ปิดลบ 11.3% ปิดที่ 25.00 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นอัลโค ไฟแนนซ์ ตกลง 80 เซนต์ หรือ 7.5% นอกจากนี้ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างหุ้นอลูมิน่า แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียมรายนี้จะรายงานตัวเลขกำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่สูงขึ้น 9.4% หรือ 284.3 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียก็ตาม โดยหุ้นอลูมิน่าตกลง 38 เซนต์ หรือ 5.2%