ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ 4 พันลบ.ของเบทาโกรที่ "A-" แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 31, 2020 12:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ.เบทาโกร ที่ระดับ "A-" พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ใปใช้ในการชำระคืนหนี้เดิมของบริษัท และ/หรือ เพื่อขยายธุรกิจ และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนปัจจัยความเสี่ยงของอุตสาหกรรมอีกหลายประการ เช่น วงจรของสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ความเสี่ยงจากโรคระบาด และการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทก็ช่วยลดความกังวลลงได้บางส่วน

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2562 ฟื้นตัวจากภาวะอุปทานส่วนเกินที่เกิดในช่วงปี 2560-2561 โดยที่การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever -- ASF) ในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสุกรจนทำให้ราคาสุกรและไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวลดลงยังส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.4 พันล้านบาทในปี 2562 จากระดับ -0.2 พันล้านบาทในปี 2561 และ 1.2 พันล้านบาทในปี 2560 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.9% ในปี 2562 จากระดับ -0.3% ในปี 2561 และ 1.5% ในปี 2560 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายก็ปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 6.0 เท่าในปี 2562 จากระดับติดลบในปี 2561 และ 16.3 เท่าในปี 2560

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทยังคงได้รับอานิสงส์จากราคาของผลิตภัณฑ์สัตว์บกที่เพิ่มขึ้นและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทก็เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 16.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 13.0% ในช่วงเดียวกันของปี 2562

ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโรคโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อบริษัทเพียงเล็กน้อยเนื่องจากสินค้าของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 ว่าจะได้รับอานิสงส์จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลงและความต้องการอาหารแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยหนี้สินในสัดส่วน 53% ของจำนวนดังกล่าวเป็นหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาว ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า บริษัทมีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วย หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดจำนวน 3.0 พันล้านบาท และเงินลงทุนในการขยายงานจำนวน 2.3 พันล้านบาท

ส่วนแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 3.6 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทยังคงมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายนอกได้

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยเอาไว้ได้ต่อไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทตลอดจนสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทได้ในอนาคตอันใกล้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงาน ตลอดจนกระแสเงินสด และการชำระหนี้ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีการลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมากจนอาจทำให้สถานะทางการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ