SMPC เผยกำไร Q2/63 โต 49.3% จากยอดขาย-มาร์จิ้นสูงขึ้น พร้อมคงเป้ายอดขายปีนี้โต 30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 13, 2020 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ. สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯงวดไตรมาส 2/63 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,093.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.6% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 906.31 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าในแถบเอเชียใต้ที่ชะลอการสั่งซื้อในช่วงปีก่อน เริ่มกลับมาสั่งซื้อบางส่วนตั้งแต่ช่วงปลายปี 62 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงลูกค้าในแอฟริกามีความต้องการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงมีต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

สำหรับกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/63 จำนวน 182.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเติบโต และมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น ขณะที่ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ลดลง โดยสุทธิกับรายได้อื่นที่ลดลงและภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 288.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.69 ล้านบาท หรือ 36.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 211.37 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 23.3% เป็น 26.4% เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงและราคาเหล็กในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้อัตราทำกำไรเพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 63 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 2,038.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352.62 ล้านบาท หรือ 20.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,685.55 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 328.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.77 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 206.91 ล้านบาท

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายอดขายจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการถังแก๊ส LPG ในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่มีการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงหุงต้มมาเป็น LPG รวมถึงประเทศในทวีปแอฟริกา ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืนและเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม ซึ่งทั้ง 2 ภูมิภาคนี้ เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ SMPC

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่กระจายทั่วโลกอยู่ขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยในเรื่องของการขนส่งสินค้า ซึ่งมีความล่าช้าจากการปิดในบางประเทศเพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายในวงกว้าง ทำให้การขนส่งต้องใช้เวลานานขึ้น แต่โดยรวมยังสามารถส่งออเดอร์ลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา โดยบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายถังแก๊สในปี 2563 ไว้ที่ 7.3 ล้านถัง เติบโต 30% เนื่องจากยังคงมีความต้องการใช้ถังแก๊ส LPG อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแอฟริกา อเมริกาเหนือ รวมถึงในเอเชีย อีกทั้งบริษัทได้เริ่มกระจายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 10-15% ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทจะมีทิศทางที่แข็งค่า โดยมีการบริหารและควบคุมการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนประกอบกับพยายามควบคุมต้นทุนด้านกระบวนการผลิต รวมถึง การที่ราคาเหล็กซึ่งเป็นต้นทุนของบริษัทฯ ขณะนี้ยังอยู่ในระดับทรงตัว

ส่วนการลงทุนสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 2.5 ล้านถังต่อปี มูลค่าการลงทุน 13-15 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีโอกาสขยายฐานการผลิตและได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้า และลดค่าใช้จ่ายทางภาษีด้านต่างๆ แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิดแพร่ขยายในวงกว้าง ทำให้บริษัทต้องชะลอโครงการดังกล่าว เพื่อประเมินความเสี่ยงใหม่อีกครั้งหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ