(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลง ตามตปท.วิตกโควิดกระทบศก.-การเมืองยังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2020 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะอ่อนตัวลง แต่คงจะไม่ปรับตัวลงแรงเหมือนเมื่อวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงทั้งตลาดสหรัฐและยุโรป โดยนักลงทุนยังรอติดตามปัจจัยจากสหรัฐในส่วนมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 การเลือกตั้งในสหรัฐ และการเข้าสู่ฤดูการประกาศผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐ ส่วนในยุโรป ยังต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่กดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง หลังนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป

ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังต้องติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่แม้จะมีการยุติการชุมนุมเมื่อวานนี้ แต่ก็มีการนัดรวมตัวครั้งใหม่ในวันนี้ รวมถึงต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของกลุ่มสถาบันการเงินที่ล่าสุดบมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) และบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ประกาศออกมาไม่ได้สะท้อนเชิงบวกต่อตลาดมากนัก ทำให้น่าจะทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมากดดันตลาดอยู่

พร้อมให้แนวรับที่ 1,231 และ 1,230 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,250 และ 1,258 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,494.20 จุด ลดลง 19.80 จุด (-0.07%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,483.34 จุด ลดลง 5.33 จุด (-0.15%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,713.87 จุด ลดลง 54.86 จุด (-0.47%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.28 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 35.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.76 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.38 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ต.ค.63) 1,242.96 จุด ลดลง 21.03 จุด (-1.66%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,793.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ต.ค.63) ปิดที่ 40.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ต.ค.63) อยู่ที่ 1.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.18/20 แนวโน้มทรงตัว ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 31.15-31.25
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้แนวโน้ม "ธนาคารพาณิชย์" ระดมทุน ออกหุ้นกู้ต่างประเทศ รับมือวิกฤติ ล่าสุด "กสิกรไทย" ประกาศออกหุ้นกู้ต่างประเทศ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับขยายธุรกิจต่อเนื่อง ด้าน"กรุงไทย" ยันเงินกองทุนแข็งแกร่ง พร้อมศึกษาแนวทางการเพิ่มทุน หากสถานการณ์เปลี่ยน ด้าน"กรุงศรี"อยู่ระหว่างพิจารณา
  • สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจเป็นติดลบ 8% จากประมาณการเดิมที่ให้ไว้ติดลบ 5% เนื่องจากความไม่แน่นอนมีมากขึ้น ขณะที่ปีหน้าคาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาเติบโตที่ 2% โดยเศรษฐกิจปัจจุบันได้ผ่านจุดต่ำสุด เมื่อไตรมาส 2/63 ไปแล้ว ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยและประเทศเกิดใหม่ ในภูมิภาคเอเชีย เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น แต่กลไกขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคือการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าการส่งออกจะดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่มั่นคง ถ้าการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้
  • รมว.คลัง ระบุว่าคลังต้องการผลักดันเรื่องการทำประกันภัยให้เป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ เพื่อเตรียมรับมือการเข้าสู่สังคมสูงวัยและค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนไทยยังมีสัดส่วนทำประกันภัยน้อย ขณะเดียวกันสวัสดิการของรัฐในด้านสุขภาพก็ยังมีจำกัด ดังนั้น ควรใช้ระบบประกันเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณของภาครัฐ และช่วยให้มีหลักประกันความมั่นคงในการชีวิตเพิ่มขึ้น
  • กนอ.เตรียมเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี (ปี 64-68) วงเงินลงทุนประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศ โดยเฉพาะการเน้นเทคโนโลยี 5 จี ที่กำลังเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์ของทั่วโลก ให้นิคมอุตสาหกรรมของไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน ซึ่งปัจจุบันอันดับหนึ่ง เป็นสิงคโปร์ รองลงมาเป็นมาเลเซีย และไทยเป็นอันดับสาม ซึ่งยังวางใจไม่ได้ เนื่องจากเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
  • เอกชนแนะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระยะสั้นแจงข้อมูลให้ชาวต่างชาติ "เจโทร" ไม่หวั่นการเมืองไทย ด้านรมว.คลัง ยันรัฐบาลจำเป็นต้องออก พ.ร.ก. ส่วนนักลงทุน เทขายหุ้นดิ่งหนัก 21 จุด กว่า 3.8 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทคาดกระทบระยะสั้น หากสถานการณ์คลี่คลายเงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ ค้าปลีก-อสังหาฯ หวังรัฐคุมสถานการณ์ ไม่บานปลาย ใช้พ.ร.ก.เท่าที่จำเป็น
  • 'กรุงไทย' พร้อมลงทะเบียน 'คนละครึ่ง' วันนี้ 1 วินาทีรองรับได้ 1 แสนคน ภาคธุรกิจวิตกชุมนุมการเมือง ด้านประธานหอค้าไทยจี้รัฐบาลเร่งแจงแนวปฏิบัติกรอบพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เผยนักธุรกิจ-ลงทุนต่างชาติสับสนวิตกชุมนุมยืดเยื้อส่งผลจิตวิทยาชะลอท่องเที่ยว-จับจ่าย ด้านสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หวั่นกระทบส่งออกช่วงปลายปีรับเทศกาลปีใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

-TISCO (หยวนต้าฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 86 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q63 ที่ 1,612 ล้านบาท ลดลง 14.2%YoY แต่ฟื้นตัวขึ้น 20.9%QoQ ดีกว่าที่หยวนต้าฯและตลาดคาด โดยกำไร 9M63 คิดเป็น 77.2% เบื้องต้นยังคงประมาณการเดิม แม้มองว่ากำไรของ TISCO ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 2Q63 และคาดกำไรจากการดำเนินงานจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากยอดขายยานยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังเป็นหุ้นแบงก์ที่มีพอร์ตสินเชื่อและฐานะทางการเงินแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม ทั้ง Coverage Ratio ที่กลับมาแตะระดับ 196% และ BIS Ratio ที่สูงกว่าขั้นต่ำถึง 11% ทำให้คาด TISCO จะไม่มีปัญหาในด้านสภาพคล่องในช่วงที่บริหารจัดการหนี้เสียจากโควิด-19 และมีแนวโน้มสูงที่ผลทดสอบ Stress Test ที่จะส่ง ธปท. ในเดือน ต.ค.ไม่มีประเด็นน่ากังวล ทำให้ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจนทำให้มี Upside ราว 30.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2564 และ Div. Yield ที่คาดหากจ่ายได้ตามปกติจะสูงถึง 8.2%

  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 20 บาท หลังคาดกำไร 3Q63 จะทรงตัว Y-Y ที่ระดับราว 400 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย โดยยังได้แรงหนุนจากบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 บริการ ASQ และรายได้ประกันสังคมที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่คาดเริ่มทยอยได้อานิสงส์จาก Special Tourist Visa ซึ่งทำให้ผู้ป่วยต่างชาติค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยคากำไรปี 63-64 เพิ่มขึ้น 6% Y-Y และเพิ่มขึ้น 12% Y-Y ตามลำดับ
  • DTAC (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 64 บาท คาดประกาศงบฯไตรมาส 3/63 วันนี้ มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%qoq โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการอุดหนุนแพ็คเกจที่หมดไปและควบคุมต้นทุนได้ดี มั่นใจทั้งปีปันผล 2.52 บาท ให้ Dividend yield 7.5%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ