SFT พร้อมเข้าเทรด mai 29 ต.ค.เชื่อปีนี้โตกว่า 10% ฝ่าโควิด-การเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 27, 2020 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) (SFT) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 29 ต.ค.63 โดยใช้ชื่อหลักทรัพย์ SFT หลังจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.80 บาท ระหว่างวันที่ 19-22 ต.ค.63 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 456 ล้านบาท

บริษัทมั่นใจว่าหุ้น SFT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่ดี จากจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปมานานกว่า 12 ปี ซึ่งเข้าไปช่วยตอบโจทย์ทางการตลาดด้านการสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าให้แก่แบรนด์สินค้า (Brand Identity) ผ่านการให้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบครบวงจร ทำให้ SFT ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการพิมพ์ฉลากฟิล์หดรัดรูปในประเทศไทยมีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยประเมินว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% แม้จะมีปัจจัยลบจากโควิด-19 ก็ตาม เนื่องจากไทย ถือเป็นฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่งผลต่อความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปถูกนำไปใช้สร้างแบรนด์สินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูป ยังนำไปใช้ทดแทนฉลากประเภทอื่นๆ

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ SFT ที่มีความสามารถด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์และแบบดิจิทัล จึงสามารถตอบสนองความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ปริมาณและความรวดเร็ว โดยบริษัทฯ มีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 185 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมมีกำลังการผลิต 133 ล้านเมตรต่อปี รวมถึงเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ฟิล์มหดรัดรูปในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง (POF Shrink Film) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ส่งผลให้ฟิล์มหดรัดรูปของ SFT เข้าไปช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ส่วนเป้าหมายปีนี้ SFT มั่นใจว่าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้มีสถานการณ์โควิด-19 และปัจจัยความอ่อนไหวทางด้านการเมือง หลังภาพรวมการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.63) SFT สามารถทำรายได้รวม 330.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน

"เรามีเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน โดยความมุ่งมั่นนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรเข้าไปช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์สินค้าของลูกค้าทั้งรายเดิมและขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายซุง ชง ทอย กล่าว

นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดทุน บล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า SFT เป็นบริษัทที่มีศักยภาพดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบครบวงจร ตั้งแต่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ การเลือกรูปทรงบรรจุภัณฑ์และการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการหดตัวของฉลากฟิล์ม (ชริ้ง) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงามและของใช้ในครัวเรือน

ทั้งนี้ SFT ยังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ จากแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตและเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตที่ดี รวมถึงแนวทางดำเนินงานที่มีทีมบุคลากรทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาฉลากฟิล์มหดรัดรูปให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์สินค้าเป็นผลให้ที่ผ่านมา SFT ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายมายาวนาน อาทิ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด, บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง, บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

และด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ SFT มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 60-62) มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย (CAGR) 70.65% สะท้อนความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ ส่งผลให้การเปิดจองซื้อหุ้น IPO ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยพบว่าหุ้นที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 30% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด มีไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อ จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อ SFT เข้าซื้อขายในตลาด mai จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่ได้ความสนใจจากนักลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ