JKN ซื้อกิจการสินค้าเพื่อสุขภาพเสริมแกร่งหนุนผลงานโตรับย้ายเข้า SET

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 28, 2020 14:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรภัทร เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม และสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค นับเป็นการต่อยอดการขยายธุรกิจ และช่วยผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในระยะต่อไป ซึ่งจะรองรับกับการที่ JKN เตรียมย้ายการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

การลงทุนครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้บริษัทเดินหน้าไปตามเป้าหมายที่มุ่งเป็น Content Commerce Company มีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจอย่างเหมาะสม และใช้จุดแข็งด้านการทำสื่อและคอนเท้นท์มาผนวกใช้กับการขายสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อขยายการสร้างรายได้ จากปัจจุบันที่มีรายได้หลักมาจากการขายคอนเท้นท์ 90% และรายได้อื่น ๆ 10% และหลังจากการเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จ คาดว่าปี 64 ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคจะสร้างรายได้ราว 200 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้ 30% และสัดส่วนรายได้จากการขายคอนเท้นท์จะปรับมาที่ 70%

ปัจจุบันบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด มีรายได้อยู่ที่ 15 ล้านบาท จากการขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นอาหารเสริมแบรนด์ C-TRIA เพียง 1 สินค้า ขณะที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุน แต่เมื่อบริษัทซื้อกิจการเข้ามาจะปรับกระบวนการการขายและกระบวนการออกสินค้าใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง เพื่อทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และจะมีการออกสินค้าใหม่ทำให้สินค้ามีตัวเลือกที่หลากหลาย เข้าถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่ม

โดยช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมออกสินค้าใหม่อีก 4-5 สินค้า ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพด้านการบำรุงผม เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และผลิตภัณฑ์กลุ่ม Energy Drink เป็นต้น พร้อมกับการใช้สื่อในเครือของ JKN ในการประชาสัมพันธ์และการขาย พร้อมกับการทำการตลาดแบบ Superstar Marketing เพื่อดึงผู้ติดตามศิลปินดารามาเป็นผู้ซื้อสินค้า

"ก้าวต่อไปหลังจาก JKN เข้า SET เราต้องนึกถึงการขยายธุรกิจที่จะทำให้บริษัทเติบโตขึ้น จากปัจจุบันเราเป็นธุรกิจขายคอนเท้นท์และมีเดียเป็นหลักที่มีการเติบโตอยู่แล้ว แต่เราไม่สามารถหยุดแค่นี้ได้ ทำให้เรามองว่า JKN มีจุดแข็งที่มีสื่อในมือเป็นของตัวเอง มีทีมผลิตคอนเท้นท์ มีไอเดีย และใช้การทำซุปเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ร่วมกับการออก product และทางกลุ่มคุณแอนที่ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด อยู่แล้ว จึงมองว่าการนำสินค้ามารวมกับมีเดีย ใช้ประชาสัมพันธ์ ดีไซน์คอนเท้นท์การขายที่ดี เป็นสิ่งที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับ JKN เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดรายได้การบริหารมีเดียที่สามารถขายสินค้าได้เองมากกว่าการขายโฆษณา"นายธีรภัทร กล่าว

นายธีรภัทร กล่าวว่า สำหรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นอาหารเสริมในประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี และปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการเข้ามาขยายการต่อยอดธุรกิจในส่วนนี้ เป็นการต่อยอดธุรกิจไปอีกขั้นหลังจากที่ย้ายเข้าเทรดใน SET

ด้านนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า ธุรกิจขายคอนเท้นท์และมีเดียของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายรับในประเทศที่เติบโตขึ้นทุกปี จะเห็นได้จากปีนี้บริษัทสามารถปิดสัญญาขายคอนเท้นท์ไปได้แล้ว 2 พันล้านบาท ซึ่งลูกค้าทยอยชำระเงินเข้ามาตามเครดิตที่ให้กับลูกค้า 3-6 เดือน ประกอบกับการขายและบริหารคอนเท้นท์ในต่างประเทศได้เซ็นสัญญากับช่อง 3 ต่อเพิ่มอีก 3 ปี

นอกจากนี้การมีช่องสถานี JKN TV ที่เป็นอันดับต้น ๆ ของช่องรายการบันเทิงที่ได้รับความนิยม ทำให้บริษัทมองถึงการต่อยอดธุรกิจไปอีกขั้นโดยใช้พลังของสื่อที่ JKN มีสร้างการต่อยอดให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทไปอีกขั้นให้เติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของคอนเท้นท์และมีเดีย

สำหรับการจะเข้าซื้อ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด ในวงเงินลงทุนไม่เกิน 49 ล้านบาท ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม เพราะ JKN สามารถนำจุดแข็งที่มีมาหารายได้เพิ่มขึ้น สร้างรายได้และกำไรที่แข็งแกร่ง โดยสินค้าที่มีและสินค้าที่ออกใหม่จะสามารถทำยอดขายและกำไรได้ดี ช่วยผลักดันให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น

และการลงทุนในครั้งนี้ถือว่าลงทุนน้อยกว่าการซื้อคอนเท้นท์ 1 เรื่อง ซึ่งไม่กระทบกระแสเงินสดของบริษัท ขณะที่คาดว่าในปี 64 เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จะเริ่มมีกำไรเป็นปีแรก หลังจาก JKN ได้เข้าซื้อ เพราะการเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างจริงจัง ซึ่งสินค้าใหม่ที่จะออกมาเพิ่มเติมจะเตรียมประกาศในงาน JKN SPECTECULAR ในต้นเดือนพ.ย.นี้

"จากนักค้าคอนเท้นท์ได้ขยายมาสู่แม่ค้าขายยาเสพติดด้านสุขภาพที่ทุกคนจะเสพติดความสวยความงามอยู่ตลอด เป็นธุรกิจที่มองว่ายังเป็น Blue Ocean ในมุมมองของ JKN ที่จะนำจุดแข็งมารุกตลาด เสริมศักยภาพของ JKN ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการเติบโตของธุรกิจ และสร้าง Value ให้กับ JKN ไปแตะ 1 หมื่นล้านบาท"นายจักรพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ JKN เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด (JKN Global Living) จากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน คือ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ,นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ และนางพิสมัย ลิขิตอำนวย ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท โดยมีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 49 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ