หุ้น CPALL ดีดขึ้น 3.21% มาที่ 56.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 774.35 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.20 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 55 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 56.25 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 54.75 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ" หุ้นบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ให้ราคาเป้าหมาย 80 บาท หลังมีมุมมองบวกต่อข่าวที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้รับอนุมัติให้ควบรวมกิจการเทสโก้ โลตัส แบบมีเงื่อนไข โดยคาดว่าจะมีเงื่อนไขไม่ให้ผูกขาดตลาดหรือกดดันคู่ค้า ซึ่งเงื่อนไขยังไม่เปิดเผยชัดเจน แต่คาดว่าจะเป็นไปในลักษณะต้องไม่มีการบังคับให้ซัพพลายเออร์หรือคู่ค้าต้องส่งสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจค้าปลีกปัจจุบันของเครือซีพี (เซเว่น-อีเลฟเว่น และแม็คโคร)เพียงรายเดียว
รวมทั้งต้องไม่มีเงื่อนไขการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากซัพพลายเออร์หรือคู่ค้า เช่น ค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า (Entrance Fee) ค่าธรรมเนียมการวางสินค้า รวมทั้งต้องไม่เพิ่มค่าส่วนแบ่งจากยอดขายหรือกำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit (GP) และต้องเปิดให้ซัพพลายเออร์หรือคู่ค้าเลือกได้ว่าจะส่งสินค้าให้กับธุรกิจค้าปลีกปัจจุบันของเครือซีพีหรือส่งให้กับเทสโก้
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบระยะสั้นจากการควบรวม จะไม่เพิ่มกำไรให้กับ CPALL เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้ จะถูกลดทอนด้วยดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้เงินมาซื้อเทสโก้ อย่างไรก็ตามระยะยาวคาดว่าจะได้ผลดีจากการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกและ cost saving & synergy ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) จะได้ประโยชน์จากการวางสินค้าอาหารผ่านเครือข่ายของเทสโก้
เช้านี้หนังสือพิมพ์รายงานว่า การพิจารณาการควบรวมกิจการ กรณีกลุ่มบริษัท ซี.พี. ในนามบริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (ถือหุ้นโดย CPALL สัดส่วน 40%, เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง 40% และ ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CPF ถือหุ้น 20% ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Store (Malaysia) Sdn. Bhd. ด้วยวงเงินถึง 10,576 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 338,445 ล้านบาท ช่วงต้นเดือน มี.ค.63 ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พิจารณาได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว โดยอนุมัติให้ ควบรวมกิจการได้แบบมีเงื่อนไข