HILITE: NCAP ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 3.26 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 48.18%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 9, 2020 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น NCAP ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 1.06 บาท (+48.18%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.20 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 853.88 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.20 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 3.82 บาท และราคาลงต่ำสุด 3.12 บาท

นายสมชัย ลิมป์พัฒนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) เปิดเผยว่า บริษัทฯพอใจราคาหุ้นเข้าเทรดวันแรกปรับตัวขึ้นเหนือราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยมีราคาเปิดเทรดวันแรกที่ 3.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+45.45%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.20 บาท/หุ้น โดยภายหลังจากนี้บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ แบ่งเป็น ลงทุนระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ 5%, ใช้คืนหนี้สถาบันทางการเงิน 15% และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 80%

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ามีบัญชีลูกค้าในปี 64 เติบโตก้าวกระโดด จากปัจจุบันมีบัญชีลูกค้าที่มีความเคลื่อนไหว (Active) อยู่ที่ 100,000 ราย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตคิดเป็น 30% เนื่องด้วยเตรียมนำแอพพลิเคชันเข้ามาใช้ในการคัดกรองลูกค้า เพื่อควบคุมการเกิดหนี้เสีย (NPL) ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตตามจำนวนลูกค้า จากปัจจุบันมี NPL อยู่กว่า 2% และจะเพิ่มความสะดวกในการเก็บเงินให้มีความกระชับมากขึ้น คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแอพพลิเคชันดังกล่าวได้ในปี 64 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดหวังว่าจากการปรับปรุงระบบหลังบ้าน และการนำแอพพลิเคชันดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินธุรกิจจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ NCAP จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 30% ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีจากนี้ จะมีมาร์เก็ตแชร์ติด 1 ใน 5 ของผู้นำการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 3,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าปลายปี 63 จะเพิ่มขึ้นเกือบ 4,000 ล้านบาท โดย 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตเกือบ 30%

ปัจจุบัน NCAP มีสัดส่วนลูกค้า แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มแรก คือ เกษตรกร กลุ่มสอง คือ ไม่มีสลิปเงินเดือน กลุ่มสาม คือ มีสลิปเงินเดือน และ กลุ่มสี่ คือ ข้าราชการ โดยประมาณ 70-80% เป็นเกษตรกร และไม่มีสลิปเงินเดือน

ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แม้ NCAP กำลังอยู่ในช่วงเติบโต โดยเฉพาะในแง่ขนาดพอร์ตสินเชื่อ แต่มองว่าภาพ NPL ของทั้งระบบที่ยังเร่งตัวสูง ยังเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มเช่าซื้อที่ทำให้แนวโน้มกำไรยังคงมี Downside risk จึงทำให้หุ้นในกลุ่มเทรดบน P/E ต่ำกว่า 10x (Cons. ประเมินราคาเหมาะสมที่ 2.80 บาท/หุ้น +/-)

โดยมองราคาที่ระดับใกล้ Book Value (1.80 บาท) เป็นจุดที่เหมาะต่อการเข้าลงทุน นอกจากนี้การเก็งกำไร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) และบมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ด้วยประเด็นนี้ต้องระมัดระวังเนื่องจากขนาดที่เล็กกว่ามาก จึงส่งผลต่อ Upside อย่างจำกัด

ทั้งนี้ ราคาเสนอขาย 2.20 บาท/ หุ้น (พาร์ 0.50 บาท) มูลค่ารวม 660 ล้านบาท คิดเป็น P/E เสนอขาย 14 เท่า (Fully diluted EPS = 0.16 บาท, กำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง 143 ล้านบาท / หุ้นทั้งหมด 900 ล้านหุ้น)

ผลประกอบการช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เติบโตได้ตามพอร์ตสินเชื่อ แต่เห็นได้ว่าแนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้ม NPL ที่เร่งตัวขึ้นเป็นปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ